รอยแตกลายหลังคลอด ปัญหา(ไม่)เล็กที่แม่เจอ พร้อมวิธีดูแลให้ผิวกลับมาเนียนสวย ในปี 2025
เรื่องราวดีๆจาก Promom สำหรับคุณแม่และลูกน้อย
หลังอุ้มท้อง 9 เดือนเต็ม รอยแตกลาย หลังคลอดมักกลายเป็นของฝากที่แม่หลายคนไม่อยากได้ ไม่ว่าจะเป็นที่หน้าท้อง สะโพก ต้นขา หรือหน้าอก ร่องรอยเหล่านี้อาจทำให้คุณแม่หลายคนหมดความมั่นใจ ไม่กล้าส่องกระจกหรือใส่เสื้อผ้าแบบเดิมอีกเลย
รอยแตกลายหลังคลอด เกิดขึ้นได้อย่างไร?
หลายคนคิดว่า “รอยแตกลาย” เกิดกับคุณแม่เท่านั้น แต่ในความเป็นจริง รอยแตกลายเกิดได้กับทุกคนที่มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างรวดเร็ว เช่น ช่วงตั้งครรภ์ การเพิ่มหรือลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว หรือการออกกำลังกายแบบเพิ่มกล้ามเนื้ออย่างรวดเร็ว
สำหรับคุณแม่ รอยแตกลายมักเริ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 และจะชัดเจนที่สุดหลังคลอด โดยเฉพาะเมื่อลูกคลอดออกมาแล้วหน้าท้องยุบลง ผิวยุบตาม ทำให้รอยแตกลาย หลังคลอดปรากฏเด่นชัดขึ้น
สิ่งสำคัญคือ: รอยแตกลายไม่หายไปเอง! หากไม่ดูแลตั้งแต่เนิ่น ๆ รอยจะฝังลึกและดูแลได้ยากขึ้น
รอยแตกลายแบบไหนที่คุณแม่ควรรู้จัก
รอยแตกลายสีแดง/ม่วง
- เป็นรอยใหม่ เกิดขึ้นไม่นาน
- มักมีอาการคันร่วมด้วย
- ยังสามารถฟื้นฟูได้ง่าย หากเริ่มบำรุงทันที
รอยแตกลายสีขาว
- เป็นรอยเก่าที่เกิดขึ้นมานานแล้ว
- ผิวบริเวณนั้นบาง สูญเสียความยืดหยุ่น
- ต้องใช้เวลาฟื้นฟูและต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่กระตุ้นเซลล์ผิวอย่างมีประสิทธิภาพ
ตำแหน่งยอดฮิตของรอยแตกลาย หลังคลอด
- หน้าท้องแตกลาย (พบในคุณแม่กว่า 90%)
- สะโพกและต้นขา
- หน้าอก (จากการขยายของเต้านมเพื่อให้นมลูก)
- เอวด้านหลัง
รอยแตกลายไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงาม…แต่คือความมั่นใจของแม่
คุณแม่หลายคนอาจไม่ได้พูดออกมา แต่ในใจรู้สึกว่าร่างกาย “ไม่เหมือนเดิม” ความมั่นใจลดลง ไม่กล้าแต่งตัว หรือรู้สึกว่าไม่มีเวลาใส่ใจตัวเองอีกต่อไป แต่จริง ๆ แล้ว ผิวสามารถฟื้นฟูได้ หากเริ่มดูแลอย่างถูกวิธีตั้งแต่ตอนนี้
3 วิธีดูแลรอยแตกลายหลังคลอดให้กลับมามั่นใจอีกครั้ง
1. เริ่มทาบำรุงทันที
อย่ารอให้รอย “ฝังลึก” ควรเริ่มภายใน 1-3 เดือนแรกหลังคลอด ใช้ครีมหรือออยล์ที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว
2. เลือกผลิตภัณฑ์ที่ฟื้นฟูลึกถึงระดับเซลล์
แนะนำให้มองหาส่วนผสมอย่าง
- Centella Asiatica – สมานแผล
- Vitamin E – เพิ่มความชุ่มชื้น ลดรอยแผลเป็น
- Peptide – กระตุ้นการฟื้นฟูผิว
- Collagen Boosters – เพิ่มความยืดหยุ่น
3. ดื่มน้ำ – พักผ่อน – เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์
เพราะผิวสุขภาพดีเริ่มจากภายใน ยิ่งคุณแม่นอนหลับเพียงพอ ดื่มน้ำเยอะ เน้นสารอาหารบางประเภท เช่น โปรตีน, วิตามินซี, คอลลาเจน ฯลฯ ผิวยิ่งฟื้นตัวไว รอยแตกลายก็จางลงได้เร็วขึ้น
วิธีเลือกครีมลดรอยแตกลายหลังคลอดที่ปลอดภัยและได้ผล
สำหรับคุณแม่หลังคลอด โดยเฉพาะช่วงให้นมลูก ต้องเน้นความอ่อนโยนและปลอดภัย
เช็กก่อนเลือก
- ปราศจากพาราเบน น้ำหอม แอลกอฮอล์
- ผ่านการทดสอบการระคายเคือง (Dermatologically tested)
ส่วนผสมแนะนำ
- Centella Asiatica – กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
- Vitamin E – เพิ่มความชุ่มชื้น ลดรอยแผล
- Peptide Complex – ฟื้นฟูระดับเซลล์
- Shea Butter / Argan Oil – เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว
รอยแตกลาย หลังคลอด ดูแลเร็วเท่าไหร่ ยิ่งฟื้นฟูง่ายเท่านั้น
3 เดือนแรกหลังคลอด คือ “ช่วงทอง” ของการฟื้นฟูรอยแตกลาย เพราะในช่วงนี้ ผิวยังมีการซ่อมแซมตัวเองตามธรรมชาติได้ดี หากคุณแม่เริ่มดูแลทันที เช่น ทาครีมบำรุงเป็นประจำ เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสารฟื้นฟูเซลล์ และใส่ใจดูแลตัวเองจากภายใน จะช่วยให้รอยแตกลาย หลังคลอดจางลงเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
แต่หากปล่อยไว้นาน รอยจะแปรสภาพเป็นรอยแตกลายสีขาวซึ่งดูแลยากกว่า และอาจต้องใช้เวลานานหลายเดือนหรือหลายปีในการฟื้นฟู
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับรอยแตกลายหลังคลอด
Q : รอยแตกลาย หลังคลอดหายเองได้ไหม?
A : รอยไม่สามารถหายไปเอง ต้องอาศัยการดูแลอย่างต่อเนื่องด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม
Q ใช้ครีมลดรอยแตกลายตอนให้นมลูกได้ไหม?
A : ได้แน่นอน แต่อย่าลืมเลือกสูตรอ่อนโยน ปราศจากสารระคายเคือง
Q เริ่มใช้ครีมตอนไหนดีที่สุด?
A : ควรเริ่มทันทีหลังคลอดในช่วง 1-3 เดือนแรกเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
จากแม่ที่รู้สึกท้อ…สู่แม่ที่มั่นใจในผิวอีกครั้ง
เพราะการเป็นแม่คือบทบาทที่เต็มไปด้วยการเสียสละ ทั้งร่างกาย หัวใจ และเวลา และในขณะที่แม่ทุ่มเททุกอย่างเพื่อลูก อย่าลืมให้พื้นที่เล็ก ๆ แก่ตัวเอง
เริ่มต้นดูแลผิวที่มีรอยแตกลายให้กลับมาเนียนนุ่มและมั่นใจอีกครั้ง Promom ขออยู่เคียงข้างในทุกก้าวของการเปลี่ยนแปลงนี้ เพราะเราเชื่อว่า แม่ที่รักตัวเอง จะเป็นแม่ที่แข็งแรงทั้งกายและใจ พร้อมส่งต่อพลังดี ๆ ให้ลูกได้ในทุกวันค่ะ
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจาก Promom
ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเด็ก คิดค้นวิตามินเสริมภูมิคุ้มกันเด็กและพัฒนาจากองค์ความรู้ ของทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางและนักโภชนาการเด็ก
บทความอื่นๆที่น่าสนใจ
ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเด็ก คิดค้นวิตามินเสริมภูมิคุ้มกันเด็กและพัฒนาจากองค์ความรู้ ของทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางและนักโภชนาการเด็ก