SunActive® Fe เทคโนโลยีเสริมประสิทธิภาพการดูดซึมธาตุเหล็ก ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการสมอง และการเติบโตของลูก
เรื่องราวดีๆจาก Promom สำหรับคุณแม่และลูกน้อย
ธาตุเหล็ก คือ หนึ่งในแร่ธาตุที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย การเลือกเสริมธาตุเหล็กที่ได้รับการพัฒนาให้มีคุณภาพสูงขึ้น ร่างกายสามารถดูดซึมได้อย่างมีประสิทธิภาพและยาวนานยิ่งขึ้น อย่าง เทคโนโลยี SunActive® Fe จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการสมองและระบบประสาท มีไอคิวดี และลดความเสี่ยงต่อภาวะขาดธาตุเหล็กที่เด็กไทยจำนวนมากกำลังประสบปัญหาได้เป็นอย่างดี
ธาตุเหล็ก นอกจากจะเป็นส่วนประกอบสำคัญของฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง ทำหน้าที่ลำเลียงออกซิเจนจากปอดไปยังเซลล์ต่าง ๆ ทั่วร่างกาย ยังมีคุณสมบัติช่วยเสริมสร้างพัฒนาการสมอง ระบบประสาท และการเจริญเติบโตได้ดี ในวันนี้เราจะพามาทำความรู้จักกับ ธาตุเหล็ก ที่ได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย เทคโนโลยี SunActive® Fe จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะมีความโดดเด่นและมีคุณสมบัติพิเศษต่างจาก อาหารเสริมธาตุเหล็ก ทั่วไปในท้องตลาดอย่างไร มีคำตอบให้ในบทความนี้
ปกติแล้วทารกแรกเกิด แม้จะมีธาตุเหล็กติดตัวมาด้วย แต่ปริมาณของมันเพียงพอสำหรับใช้พัฒนาสมองและร่างกายได้จนอายุประมาณ 4 เดือนเท่านั้น นั่นหมายความว่า ในขณะที่ลูกกำลังเจริญเติบโต ธาตุเหล็กในร่างกายกลับค่อย ๆ ลดน้อยลงไป จึงส่งผลให้ทารกส่วนใหญ่ในประเทศไทยมีภาวะขาดธาตุเหล็กสูงถึง 40% ทำให้เด็ก ๆ ป่วยด้วยโรคโลหิตจาง การเจริญเติบโตต่ำกว่าเกณฑ์ เรียนรู้ได้แย่ลง และมีแนวโน้มไอคิวต่ำกว่าเกณฑ์ในระดับน่าเป็นห่วง
ลูกขาดธาตุเหล็ก เสี่ยงไอคิวต่ำ เรียนไม่เก่ง
แพทย์หญิงกิติมา ยุทธวงศ์ ผู้อำนวยการบริหาร สมาคมผู้ผลิตอาหารทารกและเด็กเล็ก (PNMA) อ้างอิงผลสำรวจ South East Asian Nutrition Surveys : SEANUTS โดยสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ตีพิมพ์ในวารสาร BJN, 2013 ระบุว่า “เด็กไทยเกือบ 40% ขาดธาตุเหล็ก และมากกว่า 50% ได้รับสารอาหารต่ำในกลุ่มแคลเซียม เหล็ก สังกะสี วิตามินเอและวิตามินซี อันเนื่องมาจากคุณภาพของอาหารที่กิน”
นอกจากนี้ ยังมีผลวิจัยระบุเพิ่มเติมอีกว่า “ภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก (Iron Deficiency Anemia : IDA) หากเกิดในช่วงวัยทารกต่อเนื่องถึงวัยเด็กเล็ก จะมีผลทำให้ไอคิว (IQ) เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยเรียนลดต่ำลง 5 – 10 จุด และหากไม่ได้รับการแก้ไขอย่างถูกต้องและทันท่วงที ก็อาจส่งผลให้เด็ก ๆ มีสูญเสียศักยภาพด้านสติปัญญาไปอย่างถาวร”
ขาดธาตุเหล็กต้องกินอะไร อาหารที่มีธาตุเหล็กสูง มีอะไรบ้าง
ปกติแล้ว ธาตุเหล็กจะพบได้ในนมแม่ ซึ่งเป็นโภชนาการที่ดีที่สุดของทารกวัยแรกเกิด – 6 เดือน แต่ทั้งนี้คุณแม่เองก็จำเป็นต้องมีการทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงเสริมในช่วงให้นมบุตรด้วย เพื่อให้น้ำนมแม่มีปริมาณธาตุเหล็กที่มีคุณภาพเพียงพอ นอกจากนี้ เด็กที่อยู่ในวัยที่สามารถทานอาหารอื่น ๆ ได้แล้ว ก็จำเป็นต้องเลือกเสริมอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงเป็นประจำทุกวัน เพื่อป้องกันภาวะขาดธาตุเหล็ก และช่วยเสริมสร้างศักยภาพการทำงานของสมอง และไอคิวให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ซึ่ง อาหารที่มีธาตุเหล็ก ได้แก่
- ไข่แดง ปลา อาหารทะเล และเนื้อสัตว์ เช่น หมู เนื้อวัว ไก่ เป็ด เนื้อแดง เลือด ตับ และเครื่องในสัตว์
- ถั่วเมล็ดแห้ง และธัญพืชต่าง ๆ เช่น ข้าวโอ๊ต จมูกข้าวสาลี
- ผักใบเขียว เช่น คะน้า ตำลึง ผักโขม หน่อไม้ฝรั่ง บรอกโคลี ถั่วฝักยาว กะเพรา พริกหวาน เป็นต้น
ในยุคที่คุณพ่อคุณแม่ต้องทำงานไปด้วย เลี้ยงลูกไปด้วย บางบ้านไม่มีเวลาจัดเตรียมอาหารให้ลูกได้ครบทุกมื้อ บวกกับเด็ก ๆ โดยเฉพาะในวัยต่ำกว่า 3 ปี อยู่ในวัยช่างเลือก พวกเขาอาจจะทานแต่ของที่ชอบ ไม่ยอมทานผัก หรือเนื้อสัตว์ ไม่ชอบทานถั่ว จึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะขาดธาตุเหล็กในระดับรุนแรงได้ และส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของสมอง ไอคิวต่ำ ทำให้การจดจำ หรือการเรียนรู้ทำได้ไม่เต็มศักยภาพ มาดูกันว่าปริมาณธาตุเหล็กที่ควรได้รับสำหรับเด็กแต่ละวัย มีปริมาณอย่างไรบ้าง และลูกของคุณได้รับในปริมาณเพียงพอหรือไม่
ปริมาณธาตุเหล็กที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน
อายุ | ปริมาณธาตุเหล็กที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน (มิลลิกรัม/วัน) |
ทารก 0 – 5 เดือน 6 – 11 เดือน | นมแม่เท่านั้น 9.0 |
1 – 3 ปี | 5.0 |
4 – 5 ปี | 6.0 |
6 – 8 ปี | 6.6 |
เด็กชาย 9 – 12 ปี13 – 15 ปี 16 – 18 ปี | 11.5 15.0 11.0 |
เด็กหญิง (วัยมีประจำเดือน) 9 – 12 ปี 13 – 15 ปี 16 – 18 ปี | 12.5 16.0 16.0 |
ถ้าอยากให้ลูกได้รับธาตุเหล็กเพียงพอ นอกจากให้ทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงแล้ว การได้รับ อาหารเสริมธาตุเหล็ก ที่มีประสิทธิภาพ และมีปริมาณตรงตามความต้องการที่ร่างกายในเด็กแต่ละวัยควรได้รับต่อวัน (Thai RDI) ก็เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยป้องกันไม่ให้เด็กเกิดภาวะขาดธาตุเหล็ก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสมอง การเรียนรู้ และไอคิวได้
เนื่องจากธาตุเหล็กเป็นแร่ธาตุที่มีคุณสมบัติไม่ละลายน้ำ ร่างกายจะสามารถดูดซึมธาตุเหล็กได้มีประสิทธิภาพแตกต่างกันไปตามชนิดของธาตุเหล็กที่ได้รับ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการที่ร่างกายสามารถดูดซึม และนำธาตุเหล็กไปใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ดังนั้น เพื่อให้มั่นใจได้ว่า ร่างกายสามารถดูดซึมธาตุเหล็กได้เป็นอย่างดี ปัจจุบันจึงได้มีการคิดค้น เทคโนโลยี SunActive® ที่มีการจดสิทธิบัตรในประเทศญี่ปุ่นมาใช้ในอาหารเสริมด้วย
SunActive® Fe สำคัญอย่างไร ทำไมต้องมีอยู่ใน อาหารเสริมธาตุเหล็ก
SunActive® เป็นเทคโนโลยีนำส่งอาหารสำหรับแร่ธาตุ สำหรับอาหารเสริม อาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ รวมถึงโภชนาการสำหรับเด็ก ช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมธาตุเหล็กได้อย่างรวดเร็วและมีศักยภาพ โดยข้อดีของ เทคโนโลยี SunActive® Fe ใน อาหารเสริมธาตุเหล็ก คือ
- ทำให้ธาตุเหล็กมีขนาดเล็กลง
- มีความคงตัวต่อความร้อน เกลือ pH และการออกซิเดชัน
- ลดการระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหาร
- ช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมธาตุเหล็กได้ดี โดยเป็นการดูดซึมที่บริเวณลำไส้ ทำให้ไม่เกิดการถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ หรือมีกลิ่นรุนแรง ซึ่งมักเป็นปัญหาที่พบได้ทั่วไปในการเสริมธาตุเหล็กแบบปกติ
- ชะลอการนำธาตุเหล็กออกมาใช้ ทำให้สามารถใช้ธาตุเหล็กได้ยาวนานจาก 8 ชั่วโมง เป็น 12 ชั่วโมง
การดูแลให้เด็ก ๆ ทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงเป็นประจำทุกวัน หรือเสริมธาตุเหล็กด้วย อาหารเสริมที่มีเทคโนโลยี SunActive® Fe ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายเป็นประจำ พักผ่อนเพียงพอ ก็จะช่วยให้เด็ก ๆ ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง มีพัฒนาการดี สมองดี ไอคิวดี เจริญเติบโตสมวัย และเรียนรู้ได้อย่างเต็มศักยภาพ
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจาก Promom
ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเด็ก คิดค้นวิตามินเสริมภูมิคุ้มกันเด็กและพัฒนาจากองค์ความรู้ ของทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางและนักโภชนาการเด็ก
บทความอื่นๆที่น่าสนใจ
ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเด็ก คิดค้นวิตามินเสริมภูมิคุ้มกันเด็กและพัฒนาจากองค์ความรู้ ของทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางและนักโภชนาการเด็ก