5 เคล็ดลับ อาหารแคลเซียมสูง กินอย่างไร...ให้ลูกตัวสูง?
Promom ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับเด็ก

5 เคล็ดลับ อาหารแคลเซียมสูง กินอย่างไร…ให้ลูกตัวสูง?

เรื่องราวดีๆจาก Promom สำหรับคุณแม่และลูกน้อย

5 เคล็ดลับ อาหารแคลเซียมสูง กินอย่างไร...ให้ลูกตัวสูง?

พ่อแม่หลายคนอาจเคยสงสัยว่า ทำไมลูกบางคนสูงเร็ว ในขณะที่บางคนเติบโตช้า? แท้จริงแล้ว การเจริญเติบโตของเด็กไม่ได้ขึ้นอยู่กับพันธุกรรมเพียงอย่างเดียว แต่ อาหารและโภชนาการที่เหมาะสม ก็มีบทบาทสำคัญมาก! วันนี้เรามี 5 เคล็ดลับเรื่องอาหารที่ช่วยให้ลูกสูงขึ้นได้จริง พร้อมแนะนำแหล่งแคลเซียมที่ดีที่สุดสำหรับเด็กวัยกำลังโต


1. เลือกอาหารที่มีแคลเซียมสูง


แคลเซียมเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยให้กระดูกแข็งแรงและยืดตัวได้ดี โดยเฉพาะในช่วงวัยเด็กที่ร่างกายกำลังเติบโตเต็มที่ เด็กอายุ 3-6 ปี ควรได้รับแคลเซียมประมาณ 700 มิลลิกรัมต่อวัน เพื่อรองรับการสร้างมวลกระดูกและเพิ่มความสูงอย่างมีประสิทธิภาพ

แหล่งแคลเซียมที่แนะนำ ได้แก่:

  • นมและผลิตภัณฑ์จากนม: นมวัว นมถั่วเหลือง นมอัลมอนด์ ชีส โยเกิร์ต
  • ปลาและอาหารทะเล: ปลาเล็กปลาน้อย กุ้งแห้ง ปลาซาร์ดีน ที่สามารถกินได้ทั้งกระดูก
  • ผักใบเขียว: คะน้า บรอกโคลี ผักโขม ใบชะพลู ซึ่งเป็นแหล่งแคลเซียมจากพืช
  • เต้าหู้และถั่ว: เต้าหู้ขาว ถั่วเหลือง อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์

เคล็ดลับเพิ่มเติม:

  • การดื่มนมอุ่น ๆ ก่อนนอนสามารถช่วยให้เด็กได้รับแคลเซียมเพียงพอในแต่ละวัน แต่ควรเลือกนมไขมันต่ำ และหลีกเลี่ยงการดื่มนมแล้วนอนทันทีเพื่อลดความเสี่ยงของอาการกรดไหลย้อน
  • การรับประทานโยเกิร์ตและชีสเป็นของว่างระหว่างวัน ไม่เพียงช่วยเพิ่มปริมาณแคลเซียมให้ร่างกาย แต่ยังช่วยเสริมสร้างจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้ ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อระบบย่อยอาหารของเด็กอีกด้วย แนะนำให้เลือกโยเกิร์ตรสธรรมชาติและชีสที่มีปริมาณโซเดียมต่ำเพื่อให้ดีต่อสุขภาพของลูกน้อย
  • สามารถเสริมด้วยผลิตภัณฑ์แคลเซียมสำหรับเด็กที่มีอัตราการดูดซึมดี เช่น แคลเซียม L-Threonate ซึ่งดูดซึมง่ายและไม่ทำให้ท้องผูก เพื่อให้แน่ใจว่าเด็กได้รับแคลเซียมเพียงพอต่อการเจริญเติบโต

2. กินโปรตีนให้เพียงพอ


โปรตีนเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ รวมถึงกระตุ้นการเจริญเติบโตของกระดูก เด็กวัย 3-6 ปี ควรได้รับโปรตีนประมาณ 13-20 กรัมต่อวัน เพื่อให้ร่างกายมีวัตถุดิบเพียงพอสำหรับกระบวนการสร้างมวลกระดูกและกล้ามเนื้อ

ควรกระจายการบริโภคโปรตีนตลอดทั้งวัน ไม่ควรเน้นโปรตีนหนักในมื้อเดียว เพราะร่างกายสามารถดูดซึมโปรตีนได้ในปริมาณจำกัดต่อครั้ง การให้เด็กได้รับโปรตีนในแต่ละมื้อ เช่น อาหารเช้า อาหารกลางวัน และของว่าง จะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างต่อเนื่อง

แหล่งโปรตีนที่ดีสำหรับเด็ก:

  • เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน เช่น ไก่ ปลา หมู ซึ่งเป็นโปรตีนคุณภาพสูงและย่อยง่าย
  • ไข่ไก่ อุดมไปด้วยกรดอะมิโนจำเป็นและมีวิตามินดีซึ่งช่วยเสริมสร้างกระดูก
  • ถั่วเหลือง ถั่วแดง ถั่วเขียว แหล่งโปรตีนจากพืชที่ดีและมีใยอาหารสูง
  • นมและผลิตภัณฑ์จากนม เช่น นมวัว นมถั่วเหลือง โยเกิร์ต และชีส ซึ่งให้ทั้งโปรตีนและแคลเซียม

เคล็ดลับเพิ่มเติม:

  • ควรให้เด็กได้รับโปรตีนจากแหล่งอาหารที่หลากหลาย เพื่อให้ได้รับสารอาหารครบถ้วน
  • หลีกเลี่ยงการปรุงอาหารที่ใช้น้ำมันเยอะ เช่น ของทอด เพราะอาจส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมของเด็ก
  • สามารถเสริมโปรตีนด้วยนมเสริมโปรตีนหรืออาหารว่างที่มีโปรตีนสูง เช่น โยเกิร์ตหรือถั่วอบ

3. วิตามินดีช่วยดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น

วิตามินดีเป็นสารอาหารที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่กระดูกอย่างมีประสิทธิภาพ หากขาดวิตามินดี แม้จะได้รับแคลเซียมเพียงพอ ร่างกายก็อาจไม่สามารถนำไปใช้ได้เต็มที่ ซึ่งอาจส่งผลต่อความแข็งแรงของกระดูกและการเจริญเติบโตของเด็ก

ปริมาณวิตามินดีที่แนะนำ:

เด็กอายุ 3-6 ปี ควรได้รับวิตามินดี 600 IU* ต่อวัน, เด็กอายุ 7-15 ปี ควรได้รับ 600 IU ต่อวัน เพื่อช่วยให้กระดูกเจริญเติบโตอย่างเหมาะสมและเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย

*IU (International Units) เป็นหน่วยสากลที่ใช้วัดปริมาณของวิตามินและสารอาหารบางชนิด เช่น วิตามินดี และวิตามินเอ เพื่อกำหนดมาตรฐานปริมาณที่เหมาะสมสำหรับร่างกาย

แหล่งวิตามินดีที่ดี ได้แก่:

  • แสงแดด: แหล่งวิตามินดีที่ดีที่สุด เด็กควรได้รับแสงแดดอ่อน ๆ ในช่วงเช้าหรือเย็น ประมาณ 10-15 นาทีต่อวัน เพื่อให้ร่างกายสังเคราะห์วิตามินดีได้เอง
  • ปลาทะเล: เช่น ปลาแซลมอน ปลาแมคเคอเรล ปลาทูน่า ซึ่งเป็นแหล่งวิตามินดีจากธรรมชาติที่ดีมาก
  • ไข่แดง: มีปริมาณวิตามินดีปานกลางและเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีสำหรับเด็ก
  • เห็ดบางชนิด: เช่น เห็ดหอม เห็ดแชมปิญอง เมื่อได้รับแสงแดดสามารถเพิ่มปริมาณวิตามินดีได้
  • นมและผลิตภัณฑ์จากนมเสริมวิตามินดี: ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่ามีการเสริมวิตามินดี โดยเฉพาะ วิตามิน D3 (โคลแคลซิเฟอรอล) ซึ่งเป็นรูปแบบที่ร่างกายดูดซึมและนำไปใช้ได้ดีที่สุด เพื่อให้แน่ใจว่าเด็กได้รับสารอาหารนี้เพียงพอ

เคล็ดลับเพิ่มเติม:

  • หากเด็กไม่สามารถรับวิตามินดีจากอาหารและแสงแดดได้เพียงพอ อาจพิจารณาเสริมด้วยวิตามินดีในรูปแบบอาหารเสริมที่เหมาะสมกับวัย
  • หลีกเลี่ยงการออกแดดในช่วงเวลากลางวัน (10.00-16.00 น.) เพราะอาจทำให้ผิวไหม้และได้รับรังสี UV มากเกินไป
  • การรับประทานอาหารที่มีไขมันดี เช่น อะโวคาโด หรือน้ำมันมะกอก พร้อมกับอาหารที่มีวิตามินดี จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินดีได้ดีขึ้น เพราะวิตามินดีเป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมและนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

4. หลีกเลี่ยงอาหารที่ขัดขวางการดูดซึมแคลเซียม
บางอาหารอาจลดการดูดซึมแคลเซียมและส่งผลต่อการเจริญเติบโตของเด็ก โดยกลไกหลักที่ทำให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้น้อยลงมีหลายสาเหตุ เช่น การจับตัวกับแร่ธาตุอื่น การกระตุ้นการขับแคลเซียมออกจากร่างกาย และการรบกวนการทำงานของฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับกระดูก

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง:

  • น้ำอัดลม กาแฟ ชา: มีคาเฟอีนที่กระตุ้นการขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะ หากบริโภคบ่อยอาจเพิ่มความเสี่ยงของภาวะกระดูกพรุน
  • อาหารที่มีโซเดียมสูง: เช่น ขนมขบเคี้ยว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และอาหารแปรรูป โซเดียมสูงทำให้ร่างกายขับแคลเซียมออกมากขึ้น
  • อาหารที่มีกรดออกซาลิกสูง (Oxalic Acid): เช่น ผักโขม ช็อกโกแลต ถั่วเปลือกแข็ง กรดออกซาลิกจับตัวกับแคลเซียม ทำให้ร่างกายดูดซึมได้น้อยลง
  • อาหารที่มีกรดไฟติกสูง (Phytic Acid): เช่น รำข้าวสาลี ถั่วเปลือกแข็ง และธัญพืชบางชนิด ไฟเตท (Phytate) จับตัวกับแคลเซียมและแร่ธาตุอื่น ทำให้ร่างกายดูดซึมได้ยากขึ้น ควรแช่หรือหมักก่อนบริโภคเพื่อลดผลกระทบ

วิธีลดผลกระทบของอาหารเหล่านี้:

  • ลดปริมาณการบริโภคน้ำอัดลมและเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
  • จำกัดปริมาณอาหารที่มีโซเดียมสูง และเลือกอาหารที่ปรุงเองแทนอาหารสำเร็จรูป
  • ถ้ารับประทานอาหารที่มีกรดออกซาลิกและไฟติกสูง ควรรับประทานร่วมกับอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น นม โยเกิร์ต หรือชีส เพื่อลดผลกระทบจากสารเหล่านี้
  • การแช่หรือหมักถั่วและธัญพืชก่อนบริโภคจะช่วยลดปริมาณไฟเตทลง ทำให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น

5. เลือกแคลเซียมสูง ที่ดูดซึมได้ดี

หากต้องการเสริมแคลเซียมให้ลูกอย่างมีประสิทธิภาพ ควรเลือกแคลเซียมที่ดูดซึมได้ดี ซึ่งช่วยให้ร่างกายนำไปใช้ได้อย่างเต็มที่ ลดการสะสมของแคลเซียมที่อาจก่อให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับไตหรือทางเดินปัสสาวะ

ประเภทของแคลเซียมที่แนะนำ:

  • แคลเซียม L-Threonate: เป็นแคลเซียมที่มีอัตราการดูดซึมสูงถึง 95% ซึ่งสูงกว่าชนิดอื่น ๆ ไม่ต้องพึ่งกรดในกระเพาะอาหาร ทำให้ร่างกายดูดซึมและนำไปใช้ได้อย่างเต็มที่ ไม่สะสมในร่างกาย ลดความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในไต อีกทั้งยังอ่อนโยนต่อระบบทางเดินอาหาร ช่วยลดอาการท้องอืดและท้องผูก เหมาะสำหรับเด็กที่ต้องการเสริมแคลเซียมเพื่อการเจริญเติบโตที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
  • แคลเซียมซิเตรต (Calcium Citrate): ดูดซึมได้ดีแม้ในภาวะที่ร่างกายมีกรดในกระเพาะอาหารต่ำ เหมาะสำหรับเด็กที่มีปัญหาทางเดินอาหารหรือทานนมได้น้อย แต่มีอัตราการดูดซึมต่ำกว่าแคลเซียม L-Threonate
  • แคลเซียมคาร์บอเนต (Calcium Carbonate): มีปริมาณแคลเซียมต่อหน่วยสูง แต่ต้องรับประทานพร้อมอาหารเพื่อให้ดูดซึมได้ดีขึ้น และอาจทำให้เกิดอาการท้องอืดหรือท้องผูกในบางคน อีกทั้งยังต้องอาศัยกรดในกระเพาะอาหารเพื่อช่วยดูดซึม ทำให้ประสิทธิภาพลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับแคลเซียม L-Threonate

เปรียบเทียบแหล่งแคลเซียมเด็กจากอาหาร: อะไรให้แคลเซียมสูงที่สุด?

หากอยากให้ลูกได้รับแคลเซียมจากอาหารธรรมชาติ ควรรู้ว่าอาหารแต่ละประเภทให้แคลเซียมมากน้อยเพียงใด ตารางนี้ช่วยเปรียบเทียบแหล่งแคลเซียมหลัก พร้อมข้อมูลที่ช่วยให้พ่อแม่เลือกอาหารให้เหมาะสมกับลูกมากขึ้น

ประเภทอาหารแหล่งแคลเซียมปริมาณแคลเซียมต่อ 100 mgประโยชน์เพิ่มเติม
ปลาและอาหารทะเลปลาเล็กปลาน้อย ปลาซาร์ดีน (กินได้ทั้งกระดูก)200 – 500 mgอุดมด้วยโอเมก้า-3 และฟอสฟอรัส
ผักใบเขียวและธัญพืชคะน้า บรอกโคลี ผักกาดเขียว งาดำ เมล็ดเจีย เมล็ดแฟลกซ์ เต้าหู้100 – 350 mgให้ใยอาหารสูง ช่วยระบบย่อยอาหาร
ถั่วและธัญพืชอัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ถั่วเหลือง150 – 250 mgให้ไขมันดีและโปรตีน
นมและผลิตภัณฑ์จากนมนมวัว โยเกิร์ต ชีส120 – 300 mgแหล่งโปรตีนและวิตามินดี เสริมสร้างกระดูก
อาหารที่มีวิตามินดีสูงปลาแซลมอน ไข่แดง เห็ดบางชนิดไม่ระบุ (ช่วยดูดซึมแคลเซียม)วิตามินดีช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียม
นมและผลิตภัณฑ์จากนมนมวัว โยเกิร์ต ชีส120 – 300 mgแหล่งโปรตีนและวิตามินดี เสริมสร้างกระดูก
ปลาและอาหารทะเลปลาเล็กปลาน้อย ปลาซาร์ดีน (กินได้ทั้งกระดูก)200 – 500 mgอุดมด้วยโอเมก้า-3 และฟอสฟอรัส
ผักใบเขียวและธัญพืชคะน้า บรอกโคลี ผักกาดเขียว งาดำ เมล็ดเจีย เมล็ดแฟลกซ์ เต้าหู้100 – 350 mgให้ใยอาหารสูง ช่วยระบบย่อยอาหาร
ถั่วและธัญพืชอัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ถั่วเหลือง150 – 250 mgให้ไขมันดีและโปรตีน

รูปแบบของแคลเซียมเด็กที่ดีที่สุด
แคลเซียมสูงมีหลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละรูปแบบมีข้อดีต่างกัน พ่อแม่ควรเลือกให้เหมาะกับพฤติกรรมการกินของลูกเพื่อให้ได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอ

  • แคลเซียมแบบเจลลี่: กำลังเป็นที่นิยมและแนะนำเป็นพิเศษ เพราะรับประทานง่าย เคี้ยวสนุก ถูกใจเด็ก ๆ และยังให้ปริมาณแคลเซียมที่เหมาะสมโดยไม่ต้องกลืนเป็นเม็ดแข็ง ช่วยให้เด็กได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอโดยไม่รู้สึกฝืน
  • แคลเซียมแบบกัมมี่: เหมาะสำหรับเด็กที่ไม่ชอบกินยา เพราะมีรสชาติอร่อยและเคี้ยวง่าย แต่ควรเลือกสูตรที่มีปริมาณน้ำตาลต่ำ
  • แคลเซียมแบบน้ำ: ดูดซึมได้เร็ว เหมาะสำหรับเด็กเล็กที่มีปัญหาเรื่องการกลืน
  • แคลเซียมแบบผง: ผสมในอาหารหรือเครื่องดื่มได้ง่าย สะดวกต่อการรับประทาน
  • แคลเซียมแบบเม็ด: พกพาสะดวก แต่ต้องเคี้ยวหรือกลืน จึงเหมาะกับเด็กโตขึ้นมาหน่อย

หากต้องการผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรเลือกแคลเซียมในรูปแบบที่เหมาะกับพฤติกรรมการกินของลูก เพื่อให้ได้รับแคลเซียมอย่างสม่ำเสมอและเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย


4 สาเหตุ ทำไมเด็กขาดแคลเซียม

การขาดแคลเซียมอาจส่งผลให้กระดูกอ่อนแอและการเติบโตช้าลง นี่คือ 4 สาเหตุหลักที่ทำให้เด็กขาดแคลเซียม

1. การรับประทานอาหารไม่เพียงพอ
เด็กบางคนไม่ชอบกินนมหรืออาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น ผักใบเขียว หรือปลาที่กินได้ทั้งกระดูก ทำให้ได้รับแคลเซียมน้อยกว่าที่ร่างกายต้องการ

2. การขาดวิตามินดี
วิตามินดีช่วยในการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกาย หากเด็กไม่ได้รับแสงแดดหรือขาดแหล่งอาหารที่มีวิตามินดี อาจส่งผลให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ไม่ดี

3. การบริโภคอาหารที่รบกวนการดูดซึมแคลเซียม
เด็กที่บริโภคเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูงหรืออาหารที่มีกรดออกซาลิกและโซเดียมสูง อาจทำให้ร่างกายขับแคลเซียมออกจากร่างกายมากขึ้น เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนที่เด็กอาจบริโภคโดยไม่รู้ตัว ได้แก่ ชานม ช็อกโกแลตร้อน น้ำอัดลม และเครื่องดื่มชูกำลังบางชนิด ซึ่งหากดื่มเป็นประจำอาจรบกวนการดูดซึมแคลเซียมและส่งผลต่อพัฒนาการของกระดูกในระยะยาว

4. โรคหรือภาวะสุขภาพบางอย่าง
เด็กที่มีภาวะลำไส้ดูดซึมผิดปกติ หรือเป็นโรคกระดูกพรุนตั้งแต่อายุน้อย อาจมีปัญหาในการดูดซึมแคลเซียมและจำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ นอกจากนี้ โรคบางชนิด เช่น โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (Inflammatory Bowel Disease – IBD), โรคเซลิแอค (Celiac Disease), โรคไตเรื้อรัง และภาวะพร่องพาราไทรอยด์ฮอร์โมน (Hypoparathyroidism) ก็สามารถส่งผลให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้น้อยลงเช่นกัน


รับประทานแคลเซียมสูงอย่างไร ให้ได้ผล?

การรับประทานแคลเซียมให้ได้ผลสูงสุดควรปฏิบัติตามแนวทางดังต่อไปนี้:

  • รับประทานแคลเซียมพร้อมอาหาร: ควรทานแคลเซียมพร้อมอาหารที่มีโปรตีนและไขมันดี เช่น นม ไข่ ถั่ว อะโวคาโด และปลาแซลมอน เพื่อช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกาย
  • หลีกเลี่ยงการทานแคลเซียมพร้อมอาหารที่มีกรดออกซาลิกสูง (Oxalic Acid): เช่น ผักโขม ชา กาแฟ และโกโก้ ซึ่งอาจลดการดูดซึมแคลเซียม ทำให้ร่างกายได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอ
  • แบ่งรับประทานเป็นมื้อเล็ก ๆ: ร่างกายสามารถดูดซึมแคลเซียมได้ทีละประมาณ 500 มิลลิกรัมต่อครั้ง ดังนั้น ควรแบ่งการทานแคลเซียมออกเป็น 2-3 มื้อต่อวันแทนที่จะทานในปริมาณมากในครั้งเดียว
  • เสริมด้วยวิตามินดี: วิตามินดีมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียม ควรให้เด็กได้รับแสงแดดอย่างสม่ำเสมอวันละ 10-15 นาที และรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินดี เช่น ปลาแซลมอน ไข่แดง และเห็ดบางชนิด
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายที่มีแรงกระแทก เช่น กระโดดเชือก วิ่ง หรือการเล่นกีฬากลางแจ้ง ช่วยกระตุ้นกระดูกให้แข็งแรงและช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น
  • เลือกแหล่งแคลเซียมที่ดูดซึมได้ดี: แคลเซียมแต่ละชนิดมีอัตราการดูดซึมที่แตกต่างกัน แนะนำ แคลเซียม L-Threonate เพราะดูดซึมได้สูงถึง 95% ไม่ต้องพึ่งกรดในกระเพาะอาหาร และไม่สะสมเป็นตะกอนในร่างกาย
  • หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่รบกวนการดูดซึมแคลเซียม: เช่น น้ำอัดลมที่มีกรดฟอสฟอริกและเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ และน้ำอัดลม เพราะอาจลดการดูดซึมแคลเซียมและเพิ่มการขับออกจากร่างกาย
  • ไม่ควรรับประทานแคลเซียมพร้อมธาตุเหล็ก: เพราะแคลเซียมอาจลดการดูดซึมธาตุเหล็ก ดังนั้นหากต้องเสริมทั้งสองชนิด ควรรับประทานห่างกันอย่างน้อย 2 ชั่วโมง

หากปฏิบัติตามแนวทางเหล่านี้อย่างเหมาะสม จะช่วยให้เด็กได้รับแคลเซียมเพียงพอ ส่งผลให้กระดูกแข็งแรงและมีการเจริญเติบโตที่ดีขึ้น


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับแคลเซียมเด็ก และการเสริมสร้างความสูงของเด็ก

เด็กควรได้รับแคลเซียมวันละเท่าไหร่?
A:
ปริมาณแคลเซียมที่แนะนำต่อวันขึ้นอยู่กับอายุของเด็ก:

  • เด็กอายุ 1-3 ปี: 700 มก./วัน
  • เด็กอายุ 4-8 ปี: 1,000 มก./วัน
  • เด็กอายุ 9-18 ปี: 1,300 มก./วัน
    พ่อแม่ควรให้ลูกได้รับแคลเซียมจากอาหารเป็นหลัก และพิจารณาเสริมแคลเซียมหากได้รับไม่เพียงพอ

เด็กแพ้นมวัวจะได้รับแคลเซียมจากแหล่งไหนได้บ้าง?
A:
แหล่งแคลเซียมที่เหมาะสำหรับเด็กแพ้นมวัว ได้แก่ ผักใบเขียวเข้ม เช่น คะน้า บรอกโคลี, เต้าหู้, ถั่ว หรือ นมพืชที่เสริมแคลเซียม นอกจากนี้อาจเสริมแคลเซียมในรูปแบบที่ดูดซึมได้ดี เช่น แคลเซียม L-Threonate

ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนส่งผลต่อการดูดซึมแคลเซียมหรือไม่?
A:
ใช่ คาเฟอีนใน ชา กาแฟ น้ำอัดลม สามารถขัดขวางการดูดซึมแคลเซียม และเพิ่มการขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะ หากบริโภคเป็นประจำอาจส่งผลต่อมวลกระดูกและการเจริญเติบโตของเด็ก

ควรให้ลูกทานแคลเซียมเวลาไหนดีที่สุด?
A:
ควรให้ลูกทานแคลเซียม พร้อมมื้ออาหาร โดยเฉพาะมื้อที่มีโปรตีนและไขมันดี เช่น ไข่ ปลา ถั่ว เพื่อช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น และควรหลีกเลี่ยงการทานพร้อมธาตุเหล็ก เพราะอาจลดการดูดซึมของกันและกัน

การออกกำลังกายช่วยให้เด็กสูงขึ้นได้จริงหรือไม่?
A:
จริง! การออกกำลังกายแบบมีแรงกระแทก เช่น กระโดดเชือก วิ่ง เล่นกีฬา จะช่วยกระตุ้นการสะสมแคลเซียมในกระดูก ทำให้กระดูกแข็งแรงและช่วยให้เด็กตัวสูงขึ้น


Promom ความทุ่มเทของคุณหมอหัวใจแม่

ผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียมที่พ่อแม่ควรให้ลูกทานหากพ่อแม่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียมที่ให้การดูดซึมสูงสุด และปลอดภัยสำหรับเด็ก Cal-D-KII 6+ คือตัวเลือกที่ดีที่สุด! ด้วย แคลเซียม L-Threonate 960 mg ที่มีอัตราการดูดซึมสูงถึง 95% ไม่สะสมในร่างกาย ลดความเสี่ยงของนิ่วในไต และช่วยกระตุ้นการสร้างโกรทฮอร์โมน ทำให้กระดูกแข็งแรงและเจริญเติบโตได้ดี มีงานวิจัยรองรับและได้รับรางวัลระดับโลก พ่อแม่มั่นใจได้ว่าลูกจะได้รับแคลเซียมที่เพียงพอและมีคุณภาพดีที่สุด อย่ารอช้า! ดูแลกระดูกลูกวันนี้ด้วย Cal-D-KII 6+ เพื่อการเติบโตที่แข็งแรงและสมวัย

เรื่องราวดีๆจาก Promom

เจ้าของบทความ

พชรอร ยอดพยุง (Content Team)

หรือติดตามได้ที่เพจ Promom Thailand

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจาก Promom

ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเด็ก คิดค้นวิตามินเสริมภูมิคุ้มกันเด็กและพัฒนาจากองค์ความรู้ ของทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางและนักโภชนาการเด็ก

Promom ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับเด็ก

Nutri Plus 41&42 เพิ่มน้ำนมแม่

สำหรับคุณแม่หลังคลอด จัดส่งฟรี

Promom ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับเด็ก

Multi-IMMU 24+ (เด็กโต) ลดภูมิแพ้

สำหรับเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป จัดส่งฟรี

Promom ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับเด็ก

Multi-IMMU 24 (เด็กเล็ก) ลดภูมิแพ้

สำหรับเด็กอายุ 1 ปีขึ้นไป จัดส่งฟรี

Promom ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับเด็ก

DHA Probio 9+ (เด็กโต) พัฒนาสมอง

สำหรับเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป จัดส่งฟรี

Promom ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับเด็ก

DHA Probio 9 (เด็กเล็ก) พัฒนาสมอง

สำหรับเด็กอายุ 1 ปีขึ้นไป จัดส่งฟรี

Promom ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับเด็ก

Cal-D-KII 6+ เพิ่มความสูง

สำหรับเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป จัดส่งฟรี

แหล่งข้อมูล

... สั่งซื้อได้ตลอด 24 ชม.
ติดต่อโปรมัม
...
...
...

โทรศัพท์: 02 114 8788

อีเมลล์: [email protected]

...
...
Professional Mom (Thailand) Co., Ltd. เลขที่ 117 ซอยศูนย์การค้าสาย 4 ถนนสุขุมวิท ตำบลท่าประดู่ อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง 21000.