ภูมิแพ้เด็กที่พ่อแม่ต้องรู้ อาการ ปัจจัยเสี่ยงและวิธีป้องกัน
Promom ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับเด็ก

ภูมิแพ้เด็กที่พ่อแม่ต้องรู้ อาการ ปัจจัยเสี่ยง และวิธีป้องกัน

เรื่องราวดีๆจาก Promom สำหรับคุณแม่และลูกน้อย

ภูมิแพ้เด็กที่พ่อแม่ต้องรู้ อาการ ปัจจัยเสี่ยง และวิธีป้องกัน

ภูมิแพ้เด็กที่พ่อแม่ต้องรู้

ภูมิแพ้ในเด็กเป็นปัญหาสุขภาพที่พบบ่อย โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่ระบบภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรง ทำให้ไวต่อสารก่อภูมิแพ้ เช่น ฝุ่น อาหาร และมลภาวะ หากพ่อแม่สังเกตอาการแต่เนิ่นๆ และลดปัจจัยเสี่ยง ก็สามารถช่วยป้องกันไม่ให้ลูกต้องเผชิญกับอาการแพ้เรื้อรังได้ มาดูกันว่าเราจะดูแลลูกน้อยให้ห่างไกลจากภูมิแพ้ได้อย่างไร!


5 ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ลูกน้อยเสี่ยงเป็นภูมิแพ้

การเกิดภูมิแพ้ในเด็กไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่มีปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เด็กบางคนมีแนวโน้มแพ้ง่ายกว่าคนอื่น โดยปัจจัยหลักที่เกี่ยวข้อง ได้แก่

เด็กบางคนมีโอกาสเป็นภูมิแพ้มากกว่าคนอื่น ซึ่งเกิดจากปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้

  • กรรมพันธุ์ หากพ่อแม่เป็นภูมิแพ้ ลูกมีโอกาสเป็นถึง 50-80% ตามงานวิจัยทางการแพทย์ หากพ่อแม่ทั้งสองคนมีอาการภูมิแพ้ ความเสี่ยงที่ลูกจะเป็นก็ยิ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะโรคหอบหืดและภูมิแพ้ผิวหนัง
  • สิ่งแวดล้อม เด็กที่เติบโตในเมืองที่มีมลพิษสูง มีแนวโน้มเกิดภูมิแพ้มากขึ้น เนื่องจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ เช่น ฝุ่น PM 2.5 และสารเคมีในบ้าน เช่น น้ำหอมปรับอากาศ อาจกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ได้ ควันบุหรี่ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่เพิ่มโอกาสเกิดโรคทางเดินหายใจในเด็ก
  • อาหาร เด็กที่แพ้อาหาร เช่น นมวัว ไข่ ถั่ว หรืออาหารทะเล อาจมีอาการตั้งแต่เล็กๆ อาการที่พบได้มีตั้งแต่ผื่นลมพิษ คันผิวหนัง ท้องเสีย ไปจนถึงภาวะช็อกจากอาการแพ้รุนแรง (Anaphylaxis) ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
  • สัตว์เลี้ยง โปรตีนที่อยู่ในขนสัตว์ น้ำลาย หรือสะเก็ดผิวหนังของสัตว์ เช่น แมวและสุนัข สามารถกระตุ้นอาการแพ้ในเด็กได้ หากลูกมีอาการแพ้สัตว์เลี้ยง อาจต้องหลีกเลี่ยงหรือจำกัดพื้นที่เลี้ยงสัตว์ในบ้าน รวมถึงทำความสะอาดเป็นประจำ
  • ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เด็กที่คลอดก่อนกำหนด หรือได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน เช่น DHA และวิตามิน D อาจมีภูมิคุ้มกันต่ำ ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อและพัฒนาเป็นโรคภูมิแพ้ได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ วิตามิน C, วิตามิน A, ซิงค์ (Zinc), โปรไบโอติกส์ และเอลเดอร์เบอร์รี่ (Elderberry) ล้วนมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของเด็ก การได้รับสารอาหารเหล่านี้อย่างเหมาะสมจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นและลดความเสี่ยงต่อการเกิดภูมิแพ้

5 อาการภูมิแพ้ในเด็กที่พ่อแม่ต้องเฝ้าระวัง!

เด็กแต่ละคนอาจมีอาการแพ้แตกต่างกันไป ซึ่งบางครั้งอาการอาจดูเหมือนโรคทั่วไป ทำให้พ่อแม่ไม่ทันสังเกต อาการที่พบบ่อย ได้แก่

  • ไอเรื้อรัง จามบ่อย โดยเฉพาะช่วงเช้าหรือเมื่อตื่นนอน หากเกิดบ่อยครั้งหรือรุนแรง อาจเป็นสัญญาณของโรคหอบหืดที่ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์ หากอาการไอเรื้อรังต่อเนื่องนานกว่า 4 สัปดาห์ ควรพาลูกไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยว่าเป็นภูมิแพ้หรือหอบหืดหรือไม่
  • คัดจมูก น้ำมูกไหล หรือหายใจติดขัด อาจเป็นอาการของ โรคภูมิแพ้อากาศ (Allergic Rhinitis) ซึ่งพบได้บ่อยในเด็ก มักเกิดจากฝุ่น ละอองเกสร หรือขนสัตว์ หากอาการเป็นๆ หายๆ นานกว่า 3 เดือน อาจนำไปสู่ไซนัสอักเสบเรื้อรัง ส่งผลให้เด็กปวดศีรษะ หายใจลำบาก และอ่อนเพลีย นอกจากนี้ อาการภูมิแพ้อาจกระทบต่อคุณภาพชีวิตของเด็ก เช่น ทำให้นอนหลับไม่สนิท เมื่อนอนไม่พอ เด็กอาจ ง่วงซึม อ่อนเพลีย และมีปัญหาสมาธิ ส่งผลต่อการเรียนรู้ หากพบว่าลูกมีน้ำมูกข้น สีเหลืองหรือเขียว ร่วมกับอาการปวดบริเวณใบหน้า ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่เหมาะสม
  • ผื่นคัน ผิวแห้ง หรือมีผื่นแดงตามข้อพับและลำตัว อาจเป็น ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic Dermatitis) ซึ่งเป็นภาวะอักเสบเรื้อรังของผิวหนังที่พบได้บ่อยในเด็ก อาการมักเริ่มตั้งแต่วัยทารกและสามารถเกิดขึ้นซ้ำได้หากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม ผิวของเด็กที่เป็นภูมิแพ้มักไวต่อสารก่อการระคายเคือง เช่น ฝุ่น ไรฝุ่น สารเคมีในสบู่หรือผงซักฟอก และสภาพอากาศที่แห้ง หากปล่อยไว้อาจทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสจากการเกา ส่งผลให้เกิดอาการอักเสบที่รุนแรงขึ้น 
  • หายใจมีเสียงวี๊ด หรือหอบเหนื่อย เป็นสัญญาณที่อาจเกี่ยวข้องกับ โรคหอบหืด ปอดอักเสบ หรือภาวะทางเดินหายใจอุดกั้น หากเด็กมีอาการนี้บ่อย ควรได้รับการประเมินจากแพทย์ อาการที่ต้องเฝ้าระวังเพิ่มเติม ได้แก่ หายใจเร็วผิดปกติ หน้าอกบุ๋มเวลาหายใจ หรือริมฝีปากเปลี่ยนเป็นสีคล้ำ หากอาการรุนแรง เช่น **หายใจติดขัด พูดได้น้อยลงเพราะหายใจไม่ทัน หรือมีภาวะตัวเขียว (Cyanosis) ควรรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที เนื่องจากอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
  • ปวดท้อง คลื่นไส้ หรืออาเจียน หลังรับประทานอาหารบางชนิด เช่น นมวัว ไข่ หรือถั่ว อาจเป็นอาการของ ภูมิแพ้อาหาร (Food Allergy) ซึ่งมีความรุนแรงแตกต่างกันไป บางคนอาจมีอาการเพียงเล็กน้อย เช่น ผื่นแดง หรือคันตามร่างกาย แต่ในบางกรณีอาจรุนแรงถึงขั้น ภาวะช็อกจากอาการแพ้รุนแรง (Anaphylaxis) ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต หากมีอาการ หน้าบวม ลิ้นบวม หายใจลำบาก หรือหมดสติ ควรรีบพบแพทย์ทันที นอกจากนี้ ภูมิแพ้อาหารอาจส่งผลกระทบระยะยาวต่อระบบทางเดินอาหาร เช่น ลำไส้อักเสบเรื้อรัง หรือการดูดซึมสารอาหารผิดปกติ พ่อแม่ควรสังเกตอาการและปรึกษาแพทย์เพื่อปรับเปลี่ยนอาหารของลูกให้เหมาะสม

หากลูกมีอาการเหล่านี้บ่อยครั้ง อาการรุนแรงขึ้น หรือมีอาการแพ้รุนแรงเฉียบพลัน เช่น หายใจลำบาก หน้าบวม ลิ้นบวม ควรรีบพบแพทย์ทันทีเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตราย

6 ปัจจัยกระตุ้นภูมิแพ้ที่ควรเลี่ยง ถ้าไม่แน่ใจว่าลูกแพ้หรือไม่

การป้องกันภูมิแพ้ไม่ใช่แค่การดูแลเมื่อมีอาการแล้ว แต่ยังรวมถึงการหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นที่อาจทำให้เกิดภูมิแพ้ โดยเฉพาะในเด็กที่ยังไม่แน่ใจว่าแพ้อะไรบ้าง นี่คือ 6 ปัจจัยที่ควรระวัง

  • ฝุ่นและไรฝุ่น เป็นสารก่อภูมิแพ้หลักที่พบได้ทั่วไป ควรหลีกเลี่ยงการใช้พรมและของเล่นที่สะสมฝุ่น รวมถึงหมั่นทำความสะอาดเครื่องนอน
  • ควันบุหรี่และมลพิษทางอากาศ เด็กที่สัมผัสควันบุหรี่มีความเสี่ยงต่อโรคทางเดินหายใจสูงขึ้น รวมถึงสารพิษจาก PM 2.5 ที่อาจกระตุ้นอาการแพ้ได้
  • อาหารที่อาจก่อภูมิแพ้ เช่น นมวัว ไข่ ถั่ว อาหารทะเล หากไม่แน่ใจว่าลูกแพ้หรือไม่ ควรเริ่มให้ทดลองทีละน้อยและสังเกตอาการ
  • สัตว์เลี้ยง โปรตีนในขน น้ำลาย และสะเก็ดผิวหนังของสัตว์ อาจทำให้เกิดอาการแพ้ในเด็กที่ไวต่อสารก่อภูมิแพ้
  • สารเคมีในบ้าน เช่น น้ำหอมปรับอากาศ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด และสารกันบูดในอาหาร ซึ่งอาจทำให้เด็กเกิดอาการแพ้ทางเดินหายใจหรือผิวหนัง
  • อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เด็กบางคนอาจไวต่ออากาศเย็นหรือชื้นมากเกินไป ควรแต่งกายให้เหมาะสมและดูแลสุขภาพเมื่อต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของอากาศ

วิธีดูแลและรักษาภูมิแพ้เด็กที่พ่อแม่ต้อง

การดูแลภูมิแพ้ในเด็กขึ้นอยู่กับว่าอาการเป็นมากแค่ไหน และลูกแพ้อะไรบ้าง หลัก ๆ แล้วพ่อแม่ต้องช่วยสังเกตและป้องกันให้เร็วที่สุด เพื่อให้ลูกใช้ชีวิตได้ปกติ ไม่ต้องทรมานจากอาการแพ้ มาดูกันว่ามีวิธีไหนช่วยดูแลลูกได้บ้าง

  • หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ เช่น ฝุ่น ไรฝุ่น ขนสัตว์ อาหารที่แพ้ และมลพิษทางอากาศ ควรปรับสภาพแวดล้อมในบ้านให้สะอาดและปลอดสารก่อภูมิแพ้
  • ใช้ยาแก้แพ้หรือยาสเตียรอยด์ ตามคำแนะนำของแพทย์ ซึ่งอาจรวมถึงยาต้านฮีสตามีน ยาสเปรย์พ่นจมูก หรือยาขยายหลอดลมในกรณีที่เป็นโรคหอบหืด
  • ฉีดวัคซีนภูมิแพ้ (Immunotherapy) สำหรับเด็กที่มีอาการแพ้เรื้อรังและไม่ตอบสนองต่อการรักษาเบื้องต้น แพทย์อาจแนะนำให้ฉีดวัคซีนภูมิแพ้เพื่อลดความไวของร่างกายต่อสารก่อภูมิแพ้
  • เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ด้วยโภชนาการที่เหมาะสม เช่น อาหารที่มีวิตามิน C, D, และสังกะสี (Zinc) รวมถึงโปรไบโอติกส์ (Probiotics) ที่ช่วยเสริมสุขภาพลำไส้ ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกัน
  • ติดตามอาการและปรับการรักษา หากอาการไม่ดีขึ้นหรือรุนแรงขึ้น ควรพบแพทย์เพื่อประเมินและปรับแผนการรักษาให้เหมาะสมกับเด็กแต่ละคน

โรคภูมิแพ้ในเด็กแม้จะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ในบางกรณี แต่สามารถควบคุมและลดอาการได้ด้วยการดูแลที่ถูกต้อง


6 วิธีป้องกันให้ลูกน้อยห่างจากอาการภูมิแพ้

วิธีป้องกันรายละเอียดช่วยลดภูมิแพ้แบบไหน?
เสริมภูมิคุ้มกันด้วยโภชนาการที่เหมาะสมให้ลูกได้รับสารอาหารที่จำเป็น เช่น วิตามิน D, วิตามิน C, โปรไบโอติกส์ และ HMOs ซึ่งช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงภูมิแพ้จากภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
ทำความสะอาดบ้านเป็นประจำเพื่อลดฝุ่น ไรฝุ่น และสารก่อภูมิแพ้ในบ้าน ควรใช้เครื่องกรองอากาศและเปลี่ยนผ้าปูที่นอนบ่อยๆภูมิแพ้ทางเดินหายใจ (ฝุ่น ไรฝุ่น)
หลีกเลี่ยงอาหารที่ลูกแพ้ตรวจสอบว่าอาหารชนิดใดที่กระตุ้นอาการแพ้ และเลือกอาหารที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน เช่น ผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงภูมิแพ้อาหาร (นมวัว ไข่ ถั่ว)
ให้ลูกออกกำลังกายสม่ำเสมอการออกกำลังกายช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นเพื่อต่อสู้กับสารก่อภูมิแพ้ภูมิแพ้โดยรวม เสริมภูมิคุ้มกัน
การสัมผัสธรรมชาติอย่างเหมาะสมการให้ลูกได้ออกไปเล่นในที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ เช่น สวนสาธารณะ หรือพื้นที่สีเขียว สามารถช่วยพัฒนาระบบภูมิคุ้มกันและลดความเสี่ยงต่อการเกิดภูมิแพ้ได้ภูมิแพ้จากมลภาวะและอากาศไม่บริสุทธิ์
หลีกเลี่ยงสัตว์เลี้ยงหากลูกแพ้ขนสัตว์หากลูกมีอาการแพ้ขนสัตว์ ควรจำกัดการสัมผัสและทำความสะอาดบ้านอย่างสม่ำเสมอเพื่อลดสารก่อภูมิแพ้ภูมิแพ้จากขนสัตว์


คำถามยอดฮิตเรื่องภูมิแพ้เด็กที่พ่อแม่ควรรู้

ถาม: การให้นมแม่ช่วยลดความเสี่ยงภูมิแพ้ในเด็กได้จริงหรือ?
ตอบ: ใช่ค่ะ การให้นมแม่อย่างน้อย 6 เดือนแรกช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดโอกาสเกิดภูมิแพ้ เพราะนมแม่มีสารอาหารสำคัญที่ช่วยพัฒนาระบบภูมิคุ้มกันของทารก นอกจากนี้ การเสริม HMOs (Human Milk Oligosaccharides) ในภายหลังอาจเป็นทางเลือกที่ดี HMOs เป็นสารอาหารที่พบในนมแม่และช่วยเสริมสร้างสุขภาพลำไส้และระบบภูมิคุ้มกันของทารก

ถาม: ควรเริ่มให้อาหารเสริมเมื่อไหร่เพื่อลดความเสี่ยงภูมิแพ้?
ตอบ: ควรเริ่มให้อาหารเสริมเมื่อทารกอายุ 4-6 เดือน โดยเริ่มจากผัก ผลไม้ และธัญพืชทีละอย่างเพื่อสังเกตอาการแพ้ หากพบอาการผิดปกติควรหยุดและปรึกษาแพทย์

ถาม: การทดสอบภูมิแพ้ควรทำเมื่อไหร่ และมีวิธีไหนบ้าง?
ตอบ: หากสงสัยว่าลูกมีอาการแพ้ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย ซึ่งสามารถทำได้ทั้งการทดสอบทางผิวหนัง (Skin Prick Test) และการตรวจเลือด (Blood Test) เพื่อตรวจหาสารก่อภูมิแพ้ที่เฉพาะเจาะจง

ถาม: เครื่องฟอกอากาศช่วยลดภูมิแพ้ได้จริงหรือไม่?
ตอบ: ใช่ค่ะ เครื่องฟอกอากาศช่วยลดปริมาณฝุ่น ไรฝุ่น และเกสรดอกไม้ในอากาศ ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นอาการภูมิแพ้ทางเดินหายใจในเด็กได้ดี

ถาม: การออกกำลังกายช่วยลดอาการภูมิแพ้ได้อย่างไร?
ตอบ: การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายสามารถต้านทานสารก่อภูมิแพ้ได้ดีขึ้น และลดโอกาสเกิดอาการแพ้ซ้ำ ๆ

ถาม: ควันบุหรี่มีผลต่อภูมิแพ้อย่างไร?
ตอบ: ควันบุหรี่เป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่กระตุ้นให้เกิดโรคภูมิแพ้และหอบหืดในเด็ก หากเด็กสัมผัสกับควันบุหรี่เป็นประจำ อาจทำให้อาการแพ้รุนแรงขึ้นและเกิดปัญหาทางเดินหายใจเรื้อรังได้ โดยเฉพาะ ควันบุหรี่มือสอง (Secondhand Smoke) ซึ่งเกิดจากการสูดดมควันที่ปล่อยออกมาจากผู้สูบบุหรี่ หรือควันที่ตกค้างอยู่ตามเสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ และในอากาศ ยังมี ควันบุหรี่มือสาม (Thirdhand Smoke) ที่เป็นสารพิษตกค้างตามพื้นผิวและสิ่งของภายในบ้าน ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเด็กได้ในระยะยาว ควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ในบ้านหรือในที่ที่เด็กอยู่เพื่อลดความเสี่ยงเหล่านี้


เสริมภูมิคุ้มกันลูกให้แข็งแรง ลดความเสี่ยงภูมิแพ้

หากไม่อยากให้ลูกป่วยบ่อยจากภูมิแพ้ การเสริมภูมิคุ้มกันเป็นสิ่งสำคัญ! Multi-IMMU 24 และ Multi-IMMU 24+ คือทางเลือกที่พ่อแม่ยุคใหม่ไว้วางใจ ด้วยส่วนผสมที่ช่วยปกป้องร่างกายลูกจากสารก่อภูมิแพ้ ไวรัส และมลภาวะ เช่น HMOs จากน้ำนมแม่ ที่ช่วยพัฒนาภูมิคุ้มกัน, Immuno-Biotics โพรไบโอติกส์ 5 สายพันธุ์ ที่สนับสนุนระบบลำไส้ซึ่งเป็นศูนย์กลางของภูมิคุ้มกัน และ Elderberry กับ Beta-glucan ที่ช่วยลดการอักเสบ พร้อม วิตามิน C และ D3 ที่ทำงานร่วมกันเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโดยรวม

✨ ผ่านการวิจัยโดยผู้เชี่ยวชาญ และได้รับรางวัลเหรียญทอง Prix Eiffel จากฝรั่งเศส! ✨

💡 ไม่ต้องรอให้ลูกป่วย! ป้องกันภูมิแพ้ตั้งแต่วันนี้ เสริมภูมิคุ้มกันให้ลูกแข็งแรง พร้อมเติบโตอย่างมีสุขภาพดี

เรื่องราวดีๆจาก Promom

เจ้าของบทความ

Promom Content Team

หรือติดตามได้ที่เพจ Promom Thailand

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจาก Promom

ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเด็ก คิดค้นวิตามินเสริมภูมิคุ้มกันเด็กและพัฒนาจากองค์ความรู้ ของทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางและนักโภชนาการเด็ก

Promom ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับเด็ก

Nutri Plus 41&42 เพิ่มน้ำนมแม่

สำหรับคุณแม่หลังคลอด จัดส่งฟรี

Promom ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับเด็ก

Multi-IMMU 24+ (เด็กโต) ลดภูมิแพ้

สำหรับเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป จัดส่งฟรี

Promom ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับเด็ก

Multi-IMMU 24 (เด็กเล็ก) ลดภูมิแพ้

สำหรับเด็กอายุ 1 ปีขึ้นไป จัดส่งฟรี

Promom ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับเด็ก

DHA Probio 9+ (เด็กโต) พัฒนาสมอง

สำหรับเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป จัดส่งฟรี

Promom ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับเด็ก

DHA Probio 9 (เด็กเล็ก) พัฒนาสมอง

สำหรับเด็กอายุ 1 ปีขึ้นไป จัดส่งฟรี

Promom ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับเด็ก

Cal-D-KII 6+ เพิ่มความสูง

สำหรับเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป จัดส่งฟรี

บทความอื่นๆที่น่าสนใจ

ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเด็ก คิดค้นวิตามินเสริมภูมิคุ้มกันเด็กและพัฒนาจากองค์ความรู้ ของทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางและนักโภชนาการเด็ก

แหล่งข้อมูล

... สั่งซื้อได้ตลอด 24 ชม.
ติดต่อโปรมัม
...
...
...

โทรศัพท์: 02 114 8788

อีเมลล์: [email protected]

...
...
Professional Mom (Thailand) Co., Ltd. เลขที่ 117 ซอยศูนย์การค้าสาย 4 ถนนสุขุมวิท ตำบลท่าประดู่ อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง 21000.