อาหารเสริม DHA วิตามินบำรุงสมองเด็ก ยี่ห้อไหนดี
เรื่องราวดีๆจาก Promom สำหรับคุณแม่และลูกน้อย
ในช่วงวัยเด็ก การได้รับ วิตามินบำรุงสมองเด็ก ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะ DHA ซึ่งเป็นกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่ช่วยพัฒนาสมอง เสริมสร้างความจำ และเพิ่มสมาธิ ช่วยให้เด็กมีพัฒนาการด้านการเรียนรู้ที่ดีขึ้น วันนี้เราจะมาแนะนำ 6 อาหารเสริม DHA ที่ได้รับความนิยม ปลอดภัย และเหมาะสำหรับเด็กในแต่ละช่วงวัย
ทำไม DHA สำคัญต่อสมองเด็ก?
DHA มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสมองของเด็ก โดยช่วยเสริมสร้างเยื่อหุ้มเซลล์สมอง ทำให้การสื่อสารระหว่างเซลล์ประสาทมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลต่อความจำ สมาธิ และการเรียนรู้ นอกจากนี้ DHA ยังเป็นหนึ่งในสารอาหารหลักของ วิตามินบำรุงสมองเด็ก ที่ช่วยลดการอักเสบในสมอง ส่งเสริมการพัฒนาโครงสร้างของระบบประสาท และมีส่วนช่วยในการพัฒนาทักษะด้านการคิดและการแก้ปัญหาในเด็ก หากอยากให้ลูกฉลาด เรียนรู้ไว ควรได้รับ DHA อย่างเพียงพอในแต่ละวัน
6 อาหารเสริม วิตามินบำรุงสมองเด็ก DHA สำหรับเด็ก แนะนำยี่ห้อไหนดี
1. Promom DHA Probio 9 และ DHA Probio 9+
✅ จุดเด่น:
- ผสาน Probiotics 5 สายพันธุ์ที่คัดสรรมาโดยเฉพาะ เพื่อช่วยสนับสนุนพัฒนาการสมอง
- มีกรดอะมิโน SunTheanine ช่วยเสริมสมาธิ ลดความเครียด และช่วยให้เด็กนอนหลับสนิท เพิ่มคลื่นสมอง Alpha-wave เพื่อการเรียนรู้ที่ดีขึ้น
- ได้รับรางวัลระดับโลก รับรองคุณภาพและความปลอดภัยระดับสากล
💡 ข้อดี:
- ช่วยเสริมพัฒนาการสมองและลำไส้ โดยเฉพาะ “สมองส่วนที่ 2” ซึ่งมีบทบาทในการควบคุมอารมณ์และสมาธิ
- มีธาตุเหล็ก SunActive® จากญี่ปุ่น ดูดซึมง่าย 100% ช่วยพัฒนาสมอง ระบบประสาท และ IQ
- DHA จากสาหร่ายทะเลน้ำลึก ปราศจากโลหะหนักตกค้าง
- มี Probiotics 5 สายพันธุ์ที่ช่วยสนับสนุนการทำงานของสมองและระบบทางเดินอาหาร
👶 เหมาะสำหรับ:
- เด็กที่ต้องการเสริมพัฒนาสมองและสมาธิไปพร้อมกัน และสามารถเริ่มทานได้ตั้งแต่อายุ 1 ปีขึ้นไป
- พ่อแม่ที่มองหาอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของ Probiotics เพื่อเสริมสุขภาพสมองและลำไส้ของลูก
2. NUTRIMASTER Bain Syrup
✅ จุดเด่น:
- DHA ชนิดน้ำเชื่อม ปริมาณ DHA 70% ทานง่าย
- เสริมวิตามิน A, D, E และ B12
- ดีต่อสมองและสายตา พร้อมเสริมภูมิคุ้มกันให้เด็ก
- รสชาติหวานอร่อย ไม่มีกลิ่นคาว หอมกลิ่นผลไม้รวม
💡 ข้อดี:
- รสชาติอร่อย เด็กทานง่าย
- มีสารอาหารเสริมที่ช่วยพัฒนาสมอง สายตา
👶 เหมาะสำหรับ:
- เด็กที่อยากเสริม DHA และวิตามินอื่นๆ
3. TOBY Bio Oil Brand
✅ จุดเด่น:
- DHA จากน้ำมันปลาทูน่าชนิดซอฟเจลรูปปลาเล็กๆ
- เสริมวิตามิน D3 และ E
💡 ข้อดี:
- รสเลมอนอ่อนๆ ไม่มีกลิ่นคาว
- มีวิตามินเสริมช่วยพัฒนาสมองและทำให้เจริญอาหาร
- ซอฟเจลรูปปลา สามารถผสมกับนม อาหาร หรือน้ำผลไม้ให้ลูก
👶 เหมาะสำหรับ:
- เด็กเล็ก 2 เดือนขึ้นไป ที่ต้องการเสริม DHA จากแหล่งธรรมชาติ
4. AUSWELLLIFE Algal Oil DHA
✅ จุดเด่น:
- แบรนด์นำเข้าจากออสเตรเลีย
- DHA สกัดจากสาหร่ายเข้มข้น
- ไม่มีสารปรุงแต่งและสารกันเสีย ไม่มีกลิ่นคาวของสาหร่าย
- ช่วยบำรุงสมอง ระบบประสาท สายตา และสมาธิ
💡 ข้อดี:
- แคปซูล Gelatin Chewable ร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่าย
- เสริมสร้างภูมิคุ้มกันควบคู่กับการบำรุงสมอง
- มีกลิ่นส้มอ่อนๆ ทานง่าย
👶 เหมาะสำหรับ:
- เด็กที่แพ้ปลาแต่ยังต้องการเสริม DHA อายุ 5 เดือนขึ้นไป
5. NATURE’S WAY Kids Smart DHA 300MG Triple Strength
✅ จุดเด่น:
- DHA ความเข้มข้นสูง
- เสริมการเรียนรู้และพัฒนาสมอง
- เสริมสร้างสุขภาพระบบประสาทและสายตา
- รสส้ม ไม่มีกลิ่นคาว และไม่มีน้ำตาล
💡 ข้อดี:
- ช่วยบำรุงสมอง เสริมความสามารถในการเรียนรู้
- เสริมพัฒนาการด้านการมองเห็นและระบบประสาท
👶 เหมาะสำหรับ:
- เด็กอายุ 1 ปีขึ้นไป ที่ต้องการ DHA และกินยาเม็ดยาก
6. Mamarine Omega 3 DHA Fishcaps
✅ จุดเด่น:
- DHA สกัดจากปลาทะเลน้ำลึก พร้อม Omega 3
- มี Choline Bitartrate ช่วยพัฒนาระบบประสาท
- เสริมสร้างภูมิคุ้มกันและความจำ เพื่อความพร้อมในการเรียนรู้
💡 ข้อดี:
- มี Omega 3 ช่วยบำรุงสมองและสายตา
- เสริมสร้างพัฒนาการเรียนรู้และระบบประสาท
- รูปแบบแคปซูลนิ่ม ทานง่าย
👶 เหมาะสำหรับ:
- เด็กที่ต้องการเสริมสร้างพัฒนาการทางสมองและสายตา เสริมภูมิคุ้มกัน
วิตามินบำรุงสมองเด็กในท้องตลาดมีให้เลือกหลากหลายแบรนด์ ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็มีจุดเด่นและส่วนผสมที่แตกต่างกันไป พ่อแม่ควรเลือกให้เหมาะกับความต้องการและพัฒนาการของลูก
5 สารอาหารบำรุงสมองเด็ก ลูกยิ่งกิน ยิ่งฉลาด
การเสริมพัฒนาการสมองของลูกไม่ใช่แค่ DHA เท่านั้น ยังมีสารอาหารสำคัญที่ช่วยให้ลูกฉลาดขึ้นได้ มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง พร้อมคำอธิบายเชิงลึกว่าทำไมสารอาหารเหล่านี้จึงจำเป็นต่อพัฒนาการของเด็ก
1. DHA (Docosahexaenoic Acid)
- เป็นกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่จำเป็นต่อพัฒนาการสมองและระบบประสาท
- ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่อของเซลล์ประสาท ทำให้การเรียนรู้และความจำดีขึ้น
- พบในปลาทะเลน้ำลึก เช่น แซลมอน ทูน่า และสาหร่ายทะเล
ทำไม DHA สำคัญ?
DHA เป็นโครงสร้างหลักของสมองกว่า 60% ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของเซลล์สมอง ทำให้เด็กสามารถรับข้อมูลใหม่ ๆ ได้เร็วขึ้น ลดความเสี่ยงต่อปัญหาพัฒนาการล่าช้า
2. โปรไบโอติกส์ (Probiotics)
- สนับสนุนการทำงานของสมองผ่านลำไส้ ซึ่งเป็น “สมองที่สอง”
- ช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ ส่งผลต่อการสร้างสารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์และการเรียนรู้
- พบในโยเกิร์ต อาหารหมักดอง และอาหารเสริมเฉพาะทาง
บทบาทของ Probiotics ต่อสมอง
ลำไส้เป็นศูนย์กลางของสารสื่อประสาท เช่น เซโรโทนินที่ช่วยควบคุมอารมณ์และสมาธิ หากลำไส้แข็งแรง เด็กจะมีสมาธิดีขึ้น ลดความเครียด และเรียนรู้ได้ดีขึ้น
3. ธาตุเหล็ก (Iron)
- มีบทบาทสำคัญในการลำเลียงออกซิเจนไปยังสมอง
- ช่วยพัฒนาระบบประสาทและเสริมสร้างความจำ
- พบในเนื้อแดง ตับ ผักใบเขียว และอาหารเสริมเฉพาะทาง
ทำไมธาตุเหล็กจำเป็นต่อเด็ก?
ธาตุเหล็กช่วยเพิ่มความสามารถในการรับรู้และสมาธิ หากขาดธาตุเหล็ก เด็กอาจมีปัญหาความจำสั้น อ่อนเพลีย และขาดสมาธิ
4. กรดอะมิโน SunTheanine
- กระตุ้นคลื่นสมอง Alpha-wave ช่วยให้สมองผ่อนคลายและมีสมาธิ
- ช่วยลดความเครียด ทำให้เด็กสามารถเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- พบในชาเขียว แต่สำหรับเด็กควรเลือกในรูปแบบอาหารเสริม
SunTheanine กับพัฒนาการเรียนรู้
SunTheanine ส่งเสริมการทำงานของสมองในลักษณะเดียวกับการนั่งสมาธิ ช่วยให้เด็กมีสมาธินานขึ้นและลดภาวะสมองล้า
5. โคลีน (Choline)
- เป็นสารตั้งต้นของอะเซทิลโคลีน (Acetylcholine) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทสำคัญที่ช่วยในการเรียนรู้ ความจำ และการสื่อสารระหว่างเซลล์สมอง
- ช่วยพัฒนาการทำงานของสมองและระบบประสาท
- พบในไข่แดง ถั่วเหลือง และเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน
โคลีนช่วยให้เด็กเรียนรู้ดีขึ้นอย่างไร?
โคลีนมีส่วนช่วยสร้างสารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับความจำ หากได้รับอย่างเพียงพอ เด็กจะมีพัฒนาการทางสมองที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในช่วง 5 ปีแรกของชีวิตซึ่งเป็นช่วงพัฒนาสมองสูงสุด
การได้รับ 5 สารอาหารบำรุงสมองเด็ก อย่างเพียงพอ ช่วยให้เด็กมีสมาธิที่ดี เรียนรู้ไว และมีพัฒนาการสมองที่สมบูรณ์ พ่อแม่สามารถเลือกอาหารและอาหารเสริมที่มีสารอาหารเหล่านี้เพื่อเสริมสร้างศักยภาพทางสมองของลูกน้อยตั้งแต่วันนี้
ตารางการจัดมื้ออาหารให้เด็กได้รับสารอาหารครบถ้วนในแต่ละวัน
🍽️ มื้ออาหาร | 🥘 เมนูคาว | 🍰 เมนูหวาน | 🧬 สารอาหารหลัก | 🌟 ประโยชน์ |
🍳 มื้อเช้า | 🍲 ข้าวต้มปลา + 🥚 ไข่ต้ม | 🍓 โยเกิร์ตรสธรรมชาติ + ผลไม้สด | DHA, โคลีน, ธาตุเหล็ก, โปรไบโอติกส์ | เสริมพัฒนาการสมอง ระบบประสาท และเพิ่มพลังงาน |
🍛 มื้อกลางวัน | 🐟 ข้าวผัดปลาทู + 🥒 แตงกวา | 🎃 ฟักทองนึ่ง + น้ำผึ้ง | DHA, โปรตีน, โคลีน, เบต้าแคโรทีน | บำรุงสมอง เพิ่มความจำ และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน |
🍜 มื้อเย็น | 🍲 แกงจืดเต้าหู้ไข่ + 🥩 หมูบด | 🍌 กล้วยหอม | โปรตีน, แคลเซียม, วิตามิน B, ไฟเบอร์ | เสริมพัฒนาการสมอง ระบบประสาท และช่วยให้หลับสนิท |
🍿 ของว่าง | 🌽 ข้าวโพดต้ม + 🥜 ถั่วลิสง | 🥛 น้ำเต้าหู้ไม่ใส่น้ำตาล | DHA, โคลีน, ใยอาหาร, โปรตีน | เสริมพัฒนาการสมอง บำรุงระบบประสาท และให้พลังงานดีต่อร่างกาย |
ไขทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับการเสริม DHA ให้ลูก
❓ ถาม: DHA จากปลากับ DHA จากสาหร่าย แบบไหนดีกว่าสำหรับเด็ก?
ตอบ:
✅ DHA จากปลาทะเล เช่น แซลมอนและทูน่า เป็นแหล่งธรรมชาติที่มีปริมาณ DHA สูง แต่ต้องระวังเรื่องสารปนเปื้อนโลหะหนัก
✅ DHA จากสาหร่ายเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า โดยเฉพาะสำหรับเด็กที่แพ้อาหารทะเล และเป็นแหล่ง DHA ที่เหมาะกับเด็กมังสวิรัติ
💡 แนะนำ: หากเลือก DHA จากปลา ควรเป็นปลาทะเลน้ำลึกและผ่านการตรวจสอบคุณภาพ หากเลือก DHA จากสาหร่าย ควรเลือกแหล่งที่ปลอดภัยและปราศจากสารปนเปื้อน
❓ ถาม: DHA ทำให้เด็กฉลาดขึ้นได้อย่างไร?
ตอบ:
✅ DHA เป็นองค์ประกอบหลักของเยื่อหุ้มเซลล์สมองและช่วยให้เซลล์ประสาทเชื่อมต่อกันได้ดีขึ้น
✅ DHA ช่วยเสริมสร้างความจำ สมาธิ และทักษะการเรียนรู้ของเด็ก
✅ มีงานวิจัยรองรับว่าเด็กที่ได้รับ DHA อย่างเพียงพอมักมีพัฒนาการทางสมองและสติปัญญาดีกว่าเด็กที่ขาด DHA
💡 แนะนำ: ควรเสริม DHA ให้เพียงพอต่อช่วงวัยของลูกเพื่อสนับสนุนพัฒนาการทางสมองที่ดี
❓ ถาม: ถ้าเด็กไม่ชอบกินปลา ควรเลือกเสริม DHA อย่างไรให้ได้ผลดีที่สุด?
ตอบ:
✅ เลือกอาหารที่อุดมไปด้วย DHA เช่น ไข่แดง นมเสริม DHA และธัญพืชบางชนิด
✅ เลือกอาหารเสริม DHA ที่สกัดจากสาหร่าย
💡 แนะนำ: ปรับวิธีการให้ DHA อยู่ในรูปแบบที่เด็กทานง่ายที่สุด เช่น แบบผง หรือเจลลี่รสอร่อย
❓ ถาม: DHA มีผลต่อพฤติกรรมและอารมณ์ของเด็กอย่างไร? ช่วยปรับสมาธิและอารมณ์ได้จริงหรือ?
ตอบ:
✅ DHA มีบทบาทในการควบคุมสารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์และสมาธิ
✅ งานวิจัยบางชิ้นระบุว่า DHA อาจช่วยลดความเสี่ยงของปัญหาสมาธิสั้น (ADHD) ในเด็ก
✅ DHA ยังมีส่วนช่วยลดอารมณ์แปรปรวนและส่งเสริมพฤติกรรมที่ดีขึ้น
💡 แนะนำ: เด็กที่มีพฤติกรรมหงุดหงิดง่ายหรือขาดสมาธิ อาจได้รับประโยชน์จาก DHA เพิ่มเติม
❓ ถาม: ปริมาณ DHA ที่เหมาะสมในแต่ละช่วงวัยคือเท่าไหร่?
ตอบ:
✅ เด็ก 6 เดือน – 1 ปี: ควรได้รับ DHA ประมาณ 10-12 มก. ต่อน้ำหนักตัว 1 กก.
✅ เด็ก 1 – 3 ปี: ควรได้รับ DHA ประมาณ 70-100 มก. ต่อวัน
✅ เด็ก 4 – 6 ปี: ควรได้รับ DHA ประมาณ 150-200 มก. ต่อวัน
✅ เด็ก 7 ปีขึ้นไป: ควรได้รับ DHA ประมาณ 200-250 มก. ต่อวัน
💡 แนะนำ: ปรับปริมาณ DHA ตามช่วงวัยและการได้รับจากอาหารธรรมชาติ เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของสมอง
❓ ถาม: สมองส่วนที่ 2 (Gut-Brain Connection) ในลำไส้ สำคัญอย่างไรกับ DHA?
ตอบ:
✅ ลำไส้เป็นศูนย์กลางของสารสื่อประสาท เช่น เซโรโทนิน ที่มีผลต่อสมาธิและอารมณ์ของเด็ก
✅ ระบบลำไส้ที่แข็งแรงช่วยดูดซึม DHA และสารอาหารที่จำเป็นต่อพัฒนาการของสมองได้ดีขึ้น
✅ โปรไบโอติกส์และพรีไบโอติกส์มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างสมองส่วนที่ 2 และช่วยให้ DHA ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
💡 แนะนำ: ควบคู่ไปกับการเสริม DHA ควรให้ลูกได้รับอาหารที่ช่วยบำรุงลำไส้ เช่น โยเกิร์ต อาหารหมักดอง และผักที่มีไฟเบอร์สูง
เสริมพัฒนาการสมองลูกน้อย ด้วย DHA คุณภาพสูง
✨ อยากให้ลูกฉลาด สมาธิดี และเรียนรู้ไว? ต้องนี่เลย! ✨
อาหารเสริมเด็ก DHA เด็กโต ที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการสมองครบทุกด้าน ด้วย DHA สกัดจากธรรมชาติ ไร้สารปนเปื้อน พร้อม Probiotics 5 สายพันธุ์ (Brian-Biotics) ดูแลลำไส้ ซึ่งเป็น “สมองส่วนที่ 2” ของลูก เพื่อการทำงานของสมองที่สมบูรณ์แบบ! 🧠💡
💤 นอนหลับลึกขึ้น ด้วย SunTheanine ที่ช่วยกระตุ้นคลื่นสมอง Alpha-wave ให้สมาธิแน่วแน่ 📚✏️ 🚀 เสริมอารมณ์ สมาธิ และการเรียนรู้อย่างเป็นธรรมชาติ ✨
🏆 การันตีคุณภาพด้วยรางวัล Future Food Award 2023
🥇 5 เหรียญทองจากฝรั่งเศส (Prix Eiffel) นวัตกรรมระดับโลกที่พ่อแม่ไว้วางใจ!
🔥 อย่ารอช้า! ให้ลูกของคุณได้รับ DHA ตั้งแต่ตอนนี้! 🔥 📌 สั่งซื้อเลย เพื่อพัฒนาสมองและศักยภาพของลูกอย่างเต็มที่! 🚀
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจาก Promom
ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเด็ก คิดค้นวิตามินเสริมภูมิคุ้มกันเด็กและพัฒนาจากองค์ความรู้ ของทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางและนักโภชนาการเด็ก
บทความอื่นๆที่น่าสนใจ
ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเด็ก คิดค้นวิตามินเสริมภูมิคุ้มกันเด็กและพัฒนาจากองค์ความรู้ ของทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางและนักโภชนาการเด็ก