7 ประโยชน์ของ DHA สำหรับเด็ก ที่ช่วยให้เรียนรู้ไว สมาธิดีขึ้นจริง!
เรื่องราวดีๆจาก Promom สำหรับคุณแม่และลูกน้อย
DHA เป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยพัฒนาสมองและระบบประสาท โดยเฉพาะในวัย 1 ปีขึ้นไป DHA ช่วยสร้างเยื่อหุ้มเซลล์สมอง ส่งเสริมสมาธิ ความจำ และการเรียนรู้ อีกทั้งยังช่วยลดการอักเสบของระบบประสาท ซึ่งส่งผลต่อพฤติกรรมและอารมณ์ของเด็ก ทำให้มีสมาธิและควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น
DHA คืออะไร และสำคัญอย่างไรกับเด็ก?
DHA (Docosahexaenoic Acid) คือกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่จำเป็นต่อสมองและระบบประสาท คิดเป็นประมาณ 20% ของไขมันทั้งหมดในสมอง DHA มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างโครงสร้างและความยืดหยุ่นของเซลล์ประสาท ทำให้การส่งสัญญาณประสาทมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ DHA ยังช่วยพัฒนาการมองเห็นผ่านจอประสาทตา และลดความเสี่ยงต่อโรคเกี่ยวกับสมองในระยะยาว
DHA พบมากในปลาทะเล เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า และปลาซาร์ดีน รวมถึงปลาน้ำจืดบางชนิด อย่างไรก็ตาม เด็กมักได้รับ DHA ไม่เพียงพอจากอาหารประจำวัน การเสริม DHA จึงเป็นทางเลือกสำคัญในการช่วยให้สมองพัฒนาเต็มศักยภาพ ส่งเสริมความจำ สมาธิ และการเรียนรู้
7 ประโยชน์ของ DHA สำหรับเด็ก ที่ช่วยให้เรียนรู้ไวขึ้น
1. เสริมสร้างพัฒนาการสมอง
DHA เป็นองค์ประกอบหลักของเยื่อหุ้มเซลล์สมองและเซลล์ประสาท มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาโครงสร้างสมองตั้งแต่ในครรภ์จนถึงวัยเด็ก ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรับรู้ การคิดวิเคราะห์ และการแก้ปัญหา
- การเชื่อมต่อของเซลล์สมอง DHA ช่วยเพิ่มจุดเชื่อมต่อของเซลล์สมอง ทำให้การสื่อสารระหว่างเซลล์มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้เด็กมีความสามารถในการเรียนรู้ที่ดีขึ้น และช่วยพัฒนาทักษะการเรียนรู้ระยะยาว
- ส่งเสริมความยืดหยุ่นของสมอง DHA มีส่วนช่วยในการสร้างและปรับปรุงโครงข่ายของเซลล์ประสาท (Neuroplasticity) ทำให้สมองสามารถเรียนรู้และจดจำได้ดีขึ้น
- ช่วยลดความเสี่ยงของภาวะสมองเสื่อมในอนาคต DHA มีคุณสมบัติในการปกป้องเซลล์สมองจากการเสื่อมสภาพ ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงของภาวะสมองเสื่อมและโรคเกี่ยวกับความจำในวัยสูงอายุ
2. เพิ่มสมาธิและความสามารถในการจดจ่อ
การได้รับ DHA อย่างเพียงพอมีส่วนช่วยเพิ่มสมาธิและความสามารถในการจดจ่อของเด็ก
- ช่วยปรับสมดุลของสารสื่อประสาท DHA สำหรับเด็ก มีบทบาทสำคัญในการผลิตและควบคุมสารสื่อประสาท เช่น โดปามีนและเซโรโทนิน ซึ่งเกี่ยวข้องกับความสามารถในการจดจ่อและพฤติกรรมของเด็ก
- เสริมสร้างการไหลเวียนของเลือดในสมอง DHA ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังสมอง ทำให้สมองได้รับออกซิเจนและสารอาหารอย่างเพียงพอ ส่งผลให้เด็กสามารถมีสมาธิและความสามารถในการโฟกัสดีขึ้น
- ป้องกันโรคสมาธิสั้น (ADHD) DHA ช่วยเพิ่มสมาธิ และอาจลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะสมาธิสั้นในเด็กวัยเรียน งานวิจัยบางชิ้นพบว่าเด็กที่มีระดับ DHA ต่ำอาจมีแนวโน้มเป็นโรคสมาธิสั้นมากกว่าเด็กที่ได้รับ DHA อย่างเพียงพอ
- ช่วยเสริมความสามารถในการจดจ่อและกระตุ้นการตอบสนองที่ดีขึ้น DHA อาจช่วยพัฒนาพฤติกรรมของเด็กให้สามารถโฟกัสได้ดีขึ้น และเพิ่มความสามารถในการมีสมาธิระหว่างการเรียนหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ
- เพิ่มประสิทธิภาพการตัดสินใจและการแก้ปัญหา DHA ช่วยปรับปรุงการทำงานของสมองส่วนหน้า (Prefrontal Cortex) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการวางแผน ควบคุมอารมณ์ และตัดสินใจ
3. ส่งเสริมความจำและการเรียนรู้
DHA มีบทบาทในการพัฒนาความจำและทักษะการเรียนรู้ของเด็ก
- การทำงานของใยประสาท DHA ส่งเสริมให้ใยประสาท “เดนไดรต์ (Dendrite)” ซึ่งเป็นส่วนของเซลล์ประสาทที่ทำหน้าที่รับและส่งสัญญาณระหว่างเซลล์สมอง ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ทำให้เด็กมีความจำดีขึ้น ช่วยให้สามารถเรียนรู้และจดจำข้อมูลได้เร็วขึ้น
- ช่วยเพิ่มความสามารถในการเรียนรู้เชิงตรรกะและการคิดวิเคราะห์ DHA สนับสนุนการพัฒนาของสมองส่วนฮิปโปแคมปัส (Hippocampus) ซึ่งเกี่ยวข้องกับกระบวนการจดจำและการเรียนรู้
- เพิ่มศักยภาพของสมองในการเก็บข้อมูลระยะยาว DHA ช่วยเสริมสร้างโครงสร้างของเซลล์สมอง ทำให้สามารถจัดเก็บและดึงข้อมูลกลับมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- สนับสนุนกระบวนการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ DHA มีบทบาทในการเสริมสร้างการปรับตัวของสมองในการเรียนรู้จากสิ่งแวดล้อมและประสบการณ์ใหม่ ๆ ทำให้เด็กสามารถพัฒนาความเข้าใจได้ดีขึ้น
4. ลดความเสี่ยงของภาวะสมาธิสั้น (ADHD)
การได้รับ DHA อย่างเพียงพอสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะสมาธิสั้น (Attention Deficit Hyperactivity Disorder – ADHD) ในเด็ก โดยช่วยปรับปรุงการทำงานของสารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับสมาธิและพฤติกรรมของเด็ก
- ช่วยควบคุมระดับโดปามีนและเซโรโทนิน: DHA มีบทบาทสำคัญในการสร้างสมดุลของสารสื่อประสาทในสมอง ซึ่งส่งผลต่อสมาธิและความสามารถในการควบคุมพฤติกรรม
- ส่งเสริมการทำงานของสมองส่วนหน้า (Prefrontal Cortex): DHA ช่วยพัฒนาสมองส่วนนี้ซึ่งมีหน้าที่สำคัญในการควบคุมการตัดสินใจ การวางแผน และสมาธิ
- อาจช่วยลดอาการซนและพฤติกรรมที่ควบคุมตนเองได้ยาก: งานวิจัยบางชิ้นพบว่าเด็กที่ได้รับ DHA อย่างเพียงพอมีแนวโน้มแสดงพฤติกรรมที่สงบขึ้นและสามารถควบคุมตนเองได้ดีขึ้น
- เพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้และการจดจำ: DHA ไม่เพียงแต่ช่วยให้เด็กมีสมาธิดีขึ้น แต่ยังช่วยให้พวกเขาสามารถจดจำข้อมูลและเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
5. ช่วยให้การมองเห็นดีขึ้น
DHA เป็นองค์ประกอบสำคัญของจอประสาทตา (Retina) ซึ่งเป็นส่วนของดวงตาที่ทำหน้าที่รับแสงและแปลงเป็นสัญญาณไปยังสมอง ช่วยเสริมสร้างการมองเห็นของเด็ก
- พัฒนาการด้านสายตา: DHA มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสายตาตั้งแต่ช่วงทารก ช่วยให้การรับรู้แสงและสีของดวงตาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- เสริมสร้างความคมชัดของการมองเห็น: DHA ช่วยเพิ่มความคมชัดของภาพที่รับรู้ ทำให้เด็กสามารถโฟกัสและแยกแยะรายละเอียดของภาพได้ดีขึ้น
- มีส่วนช่วยในการปกป้องเซลล์จอประสาทตาจากอนุมูลอิสระ: DHA มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์จอประสาทตาจากความเสียหายที่เกิดจากแสงสีฟ้าและปัจจัยอื่น ๆ
6. กระตุ้นการหลั่งสารสื่อประสาท
DHA มีบทบาทในการกระตุ้นการหลั่งสารสื่อประสาทที่สำคัญ เช่น เซโรโทนิน (Serotonin) และโดปามีน (Dopamine) ซึ่งมีผลโดยตรงต่ออารมณ์และพฤติกรรมของเด็ก
- ช่วยควบคุมอารมณ์: DHA มีส่วนช่วยให้ระดับเซโรโทนินสมดุล ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาอารมณ์ ทำให้เด็กอารมณ์ดีขึ้น และส่งเสริมพฤติกรรมที่มั่นคง
- สนับสนุนการทำงานของสมองด้านอารมณ์: DHA มีบทบาทสำคัญต่อสมองส่วนอะมิกดาลา (Amygdala) ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการควบคุมอารมณ์และปฏิกิริยาตอบสนองต่อความเครียด
- การพัฒนาระบบประสาท: DHA ช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง ทำให้การทำงานของระบบประสาทและสมองมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ส่งผลให้เด็กสามารถควบคุมอารมณ์และพฤติกรรมได้ดียิ่งขึ้น
7. ส่งเสริมการนอนหลับที่มีคุณภาพ
การได้รับ DHA อย่างเพียงพอสามารถส่งเสริมการนอนหลับที่มีคุณภาพในเด็ก โดย DHA อาจมีบทบาทในการควบคุมสารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับวงจรการนอนหลับ เช่น เมลาโทนิน (Melatonin) ซึ่งช่วยให้ร่างกายปรับตัวเข้าสู่โหมดพักผ่อนได้ดีขึ้น
- ช่วยให้การนอนลึกและมีคุณภาพขึ้น: DHA อาจช่วยให้เด็กหลับได้ง่ายขึ้น ลดปัญหาการตื่นบ่อยในเวลากลางคืน ซึ่งช่วยให้เด็กตื่นมาพร้อมกับสมาธิและพลังงานที่ดีขึ้นสำหรับการเรียนรู้ในวันถัดไป
ประโยชน์ของ DHA สำหรับเด็ก ตามช่วงวัย
ช่วงวัย | ประโยชน์ของ DHA | แหล่งอาหารที่แนะนำ |
ทารก – 2 ปี | DHA มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสมอง ระบบประสาท และสายตาของทารก ช่วยเสริมพัฒนาการด้านการมองเห็นและการเรียนรู้ | นมแม่, นมสูตรเสริม DHA, ไข่แดง, ปลาทะเล |
เด็กวัย 3-5 ปี | DHA สนับสนุนการเจริญเติบโตของสมอง เสริมสร้างสมาธิ ความจำ และพฤติกรรมที่สมดุล ทำให้เด็กเรียนรู้ได้ดีขึ้น | ปลาแซลมอน, ไข่แดง, อะโวคาโด, น้ำมันปลา |
เด็กวัย 6-10 ปี | DHA ช่วยพัฒนาความสามารถในการจดจำ ความคิดวิเคราะห์ และสมาธิให้ดีขึ้น พร้อมสนับสนุนการเรียนรู้ในห้องเรียน | ปลาทูน่า, ถั่ววอลนัท, เมล็ดแฟลกซ์, น้ำมันสาหร่าย |
วัยรุ่น 11-18 ปี | DHA มีส่วนช่วยในการคิดวิเคราะห์ การตัดสินใจ และการควบคุมอารมณ์ในวัยรุ่น ทำให้การเรียนรู้และพฤติกรรมดีขึ้น | ปลาซาร์ดีน, น้ำมันปลา, ถั่วอัลมอนด์, เมล็ดเจีย |
หมายเหตุ:
- Nutri Plus 41|42 ช่วยเพิ่มปริมาณ DHA ในน้ำนมแม่ได้มากถึง 2.5 เท่า คุณแม่ที่ให้นมสามารถรับประทานเพื่อเพิ่ม DHA ให้กับลูกน้อยผ่านทางน้ำนม
- เด็กวัย 1-3 ปี ควรได้รับการเสริม DHA สำหรับเด็ก เพิ่มเติมด้วย DHA Probio 9 เพื่อสนับสนุนพัฒนาการทางสมองและการมองเห็น
- เด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป ควรเสริม DHA ด้วย DHA Probio 9+ เพื่อส่งเสริมสมาธิ ความจำ และพัฒนาการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ
DHA กับความเครียดและสมาธิของเด็กวัยเรียน – DHA ช่วยให้เด็กมีโฟกัสและจัดการความเครียดได้ดีขึ้นจริงหรือ?
จากการศึกษาพบว่า เด็กที่มีปัญหาสมาธิสั้น (ADHD) มักมีระดับ DHA ในร่างกายต่ำกว่าเด็กทั่วไป โดยประมาณ 40% ของเด็กที่มีภาวะสมาธิสั้นมีระดับ DHA ในเลือดต่ำ นอกจากนี้ การเสริม DHA ในปริมาณ 300-600 มิลลิกรัมต่อวัน สามารถช่วยลดอาการสมาธิสั้นและเพิ่มสมาธิในเด็กได้อย่างมีนัยสำคัญ
DHA ไม่เพียงช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางสมอง แต่ยังมีบทบาทสำคัญต่อการควบคุมอารมณ์และความสามารถในการโฟกัสของเด็ก โดยเฉพาะในช่วงวัยเรียนที่ต้องใช้สมาธิสูง
- DHA กับการควบคุมสารสื่อประสาท: DHA มีผลต่อระดับของสารสื่อประสาท เช่น เซโรโทนิน (Serotonin) และโดปามีน (Dopamine) ซึ่งช่วยควบคุมอารมณ์ ลดความกังวล และส่งเสริมสมาธิในการเรียนรู้
- เพิ่มความสามารถในการจดจ่อ: DHA ช่วยเสริมสร้างการทำงานของสมองส่วนหน้า ซึ่งเกี่ยวข้องกับการควบคุมสมาธิและการตัดสินใจ งานวิจัยบางชิ้นแสดงให้เห็นว่าเด็กที่ได้รับ DHA อย่างเพียงพอสามารถจดจ่อกับกิจกรรมต่าง ๆ ได้ดีขึ้น และมีประสิทธิภาพในการเรียนรู้ที่สูงขึ้น
- เสริมสร้างคุณภาพการนอนหลับ: DHA อาจช่วยให้เด็กนอนหลับสนิทขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อสมาธิและความสามารถในการเรียนรู้ในวันถัดไป
DHA มีผลต่อพัฒนาการด้านอารมณ์และพฤติกรรมของเด็กอย่างไร
DHA ช่วยควบคุมการทำงานของสมองที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์และพฤติกรรม โดยเฉพาะการสื่อสารระหว่างเซลล์ประสาทที่มีผลต่อการควบคุมอารมณ์ของเด็ก การบริโภค DHA อย่างเพียงพอส่งผลต่อพฤติกรรมและความมั่นคงทางอารมณ์ในหลายด้าน
- ช่วยปรับสมดุลอารมณ์: DHA มีบทบาทในการควบคุมการทำงานของเซโรโทนิน (Serotonin) และโดปามีน (Dopamine) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับความสุขและแรงจูงใจ ช่วยให้เด็กมีอารมณ์ดีขึ้น ลดความวิตกกังวล และช่วยให้มีพฤติกรรมที่สมดุลขึ้น
- ส่งเสริมพฤติกรรมที่ดีขึ้น: DHA อาจช่วยลดพฤติกรรมก้าวร้าวในเด็ก และส่งเสริมพฤติกรรมทางสังคมที่เหมาะสม เช่น การมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมวัยที่ดีขึ้นและการควบคุมอารมณ์ที่ดีขึ้น
- ช่วยให้เด็กมีความมั่นใจและความสามารถในการจัดการความเครียด: DHA อาจมีบทบาทในการช่วยให้เด็กสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้นเมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่กดดัน ซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการปรับตัวและรับมือกับอารมณ์ในระยะยาว
Q&A: คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับ dha สำหรับเด็ก ที่พ่อแม่ต้องรู้
ถาม : DHA มีผลต่อพัฒนาการทางสมองของเด็กอย่างไร?
ตอบ : DHA เป็นองค์ประกอบหลักของเยื่อหุ้มเซลล์สมองและเซลล์ประสาท ช่วยให้การเชื่อมต่อของเซลล์สมองมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้เด็กเรียนรู้และจดจำได้ดีขึ้น นอกจากนี้ DHA ยังช่วยพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์และป้องกันความเสื่อมของสมองในระยะยาว
ถาม : DHA ช่วยให้เด็กมีสมาธิดีขึ้นจริงหรือไม่?
ตอบ : ใช่ งานวิจัยพบว่า DHA ส่งเสริมการทำงานของสมองส่วนหน้าที่เกี่ยวข้องกับสมาธิและการตัดสินใจ เด็กที่ได้รับ DHA อย่างเพียงพอสามารถจดจ่อกับกิจกรรมต่าง ๆ ได้ดีขึ้น และมีประสิทธิภาพในการเรียนรู้สูงขึ้น
ถาม : เด็กที่มีสมาธิสั้น (ADHD) ควรได้รับ DHA มากกว่าปกติหรือไม่?
ตอบ : เด็กที่มีภาวะสมาธิสั้น (ADHD) มักมีระดับ DHA ในเลือดต่ำกว่าปกติถึง 40% การเสริม DHA 300-600 มิลลิกรัมต่อวัน อาจช่วยลดอาการสมาธิสั้นและส่งเสริมสมาธิในการเรียนรู้ได้อย่างมีนัยสำคัญ
ถาม : เด็กที่กิน DHA เป็นประจำมีพัฒนาการด้านการเรียนรู้ดีกว่าเด็กทั่วไปหรือไม่?
ตอบ : งานวิจัยระบุว่า DHA อาจช่วยเสริมทักษะการอ่านและปรับปรุงพฤติกรรมในเด็กที่มีผลการเรียนต่ำกว่าเกณฑ์ โดยพบว่าเด็กกลุ่มนี้มีพัฒนาการด้านการจดจำและสมาธิที่ดีขึ้นหลังจากได้รับ DHA อย่างเพียงพอ
ถาม : DHA สามารถช่วยให้เด็กควบคุมอารมณ์และพฤติกรรมก้าวร้าวได้หรือไม่?
ตอบ : ได้ DHA มีบทบาทสำคัญในการควบคุมสารสื่อประสาท เช่น เซโรโทนิน (Serotonin) และโดปามีน (Dopamine) ซึ่งช่วยปรับสมดุลอารมณ์ ลดความวิตกกังวล และส่งเสริมพฤติกรรมทางสังคม DHA อาจช่วยลดพฤติกรรมก้าวร้าวและเพิ่มความสามารถในการควบคุมอารมณ์ของเด็ก
ถาม : DHA Probio 9 และ DHA Probio 9+ เหมาะกับเด็กช่วงวัยใด?
ตอบ :
- DHA Probio 9 เหมาะสำหรับเด็กวัย 1-3 ปี ที่ต้องการเสริม DHA เพื่อพัฒนาสมอง เสริมสมาธิ เสริมการนอนหลับอย่างมีคุณภาพยิ่งขึ้น
- DHA Probio 9+ เหมาะสำหรับเด็กวัย 3 ปีขึ้นไป ที่ต้องการเสริม DHA เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ สมาธิ และความจำ
DHA Probio 9 และ DHA Probio 9+ ตัวช่วยสำคัญในการพัฒนาสมองลูกน้อย
พ่อแม่ที่ต้องการเสริม DHA ให้ลูกน้อย สามารถเลือก DHA Probio 9 และ DHA Probio 9+ ซึ่งเป็น DHA จากธรรมชาติ ปราศจากโลหะหนักตกค้าง และช่วยเสริมสร้างพัฒนาการระบบประสาทและสมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
✅ Probiotics 5 สายพันธุ์ (Brain-Biotics) – ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้และความจำ
✅ Suntheanine – ช่วยให้ลูกน้อยหลับลึก เพิ่มสมาธิสูงสุด
✅ ธาตุเหล็ก SunActive® – ช่วยดูดซึมธาตุเหล็กได้ 100% เสริม IQ
✅ GOS พรีไบโอติกส์ – ช่วยให้โปรไบโอติกส์ทำงานเต็มที่
📌 DHA Probio 9 และ DHA Probio 9+ ได้รับรางวัลเหรียญทองจากฝรั่งเศส (Prix Eiffel) และรางวัลนวัตกรรมอาหารแห่งอนาคต (Future Food Award) การันตีคุณภาพ!
👉 พ่อแม่ที่กำลังกังวลเรื่องลูกไม่มีสมาธิ เรียนรู้ช้า อย่าลืมเสริม DHA ให้เพียงพอ เพื่ออนาคตที่สดใสของลูกน้อย!
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจาก Promom
ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเด็ก คิดค้นวิตามินเสริมภูมิคุ้มกันเด็กและพัฒนาจากองค์ความรู้ ของทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางและนักโภชนาการเด็ก
บทความอื่นๆที่น่าสนใจ
ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเด็ก คิดค้นวิตามินเสริมภูมิคุ้มกันเด็กและพัฒนาจากองค์ความรู้ ของทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางและนักโภชนาการเด็ก