ปอดอักเสบในเด็ก สังเกตอย่างไร ลูกหายใจหอบเหนื่อย อันตรายหรือไม่
เรื่องราวดีๆจาก Promom สำหรับคุณแม่และลูกน้อย
หลายคนทราบกันดีอยู่แล้วว่าโรคปอดอักเสบนั้นอันตรายและมีความร้ายแรงมากแค่ไหน และคงไม่มีใครอยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้นกับลูกของเราอย่างแน่นอน ดังนั้น เราจะพาคุณพ่อคุณแม่ไปทำความรู้จักโรคนี้ให้ดียิ่งขึ้น เพื่อจะได้ป้องกันและหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดขึ้นกับลูกของเราในวันข้างหน้า
ปอดอักเสบ คืออะไร?
ปอดอักเสบ หรือหลายคนรู้จักอีกชื่อหนึ่งที่เรียกว่า ปอดบวม เป็นภาวะที่มีการอักเสบเกิดขึ้นที่เนื้อปอดในบริเวณหลอดลมฝอยส่วนปลาย ถุงลม และเนื้อเยื่อรอบถุงลม โดยเกิดขึ้นจากการติดเชื้อแบคทีเรียและไวรัส เช่น วัณโรค หรือเชื้อรา โรคปอดอักเสบพบได้บ่อยในเด็กเล็กที่มีอายุน้อยกว่า 1 ปี รวมไปถึงเด็กที่มีความพิการแต่กำเนิด คลอดก่อนกำหนด น้ำหนักตัวน้อยกว่าเกณฑ์ เป็นโรคหัวใจ มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือมีภาวะขาดอาหาร ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดโรคแทรกซ้อนที่อาจทำให้เสียชีวิตได้ โดยข้อมูลจากองค์กรอนามัยโรคพบว่า โรคปอดอักเสบเป็นหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เด็กเสียชีวิต และจากสถิติพบว่า เด็กที่เสียชีวิตจากโรคปอดอักเสบ มีอายุน้อยกว่า 5 ปี มากถึง 15% เลยทีเดียว
สาเหตุของโรคปอดอักเสบในเด็ก
โรคปอดอักเสบในเด็ก เกิดขึ้นได้จาก 2 สาเหตุหลัก ดังนี้
- ปอดอักเสบจากการติดเชื้อ โดยส่วนใหญ่แล้วเกิดขึ้นจากเชื้อไวรัสและแบคทีเรียที่พบได้บ่อยในเด็ก คือ เชื้อไมโครพลาสม่า (Mycoplasma pneumoniae) เชื้อนิวโมคอคคัส (Streptococcus pneumoniae) และเชื้อฮิบ (Haemophilus influenzae type B) ส่วนเชื้อไวรัสที่พบได้บ่อยในเด็ก คือ ไข้หวัดใหญ่ RSV และ hMPV เป็นต้น
- ปอดอักเสบที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ เช่น การสูดดมสารระคายเคืองเข้าไป การสูดดมฝุ่นที่เป็นมลพิษ หรือการสำลักอาหาร เป็นต้น
อาการปอดอักเสบเป็นอย่างไร
โดยอาการของโรคปอดอักเสบของผู้ป่วยแต่ละคนจะมีอาการที่แตกต่างกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับเชื้อโรคที่เป็นตัวต้นเหตุ ระดับความรุนแรงของโรค ตลอดจนถึงอายุของผู้ป่วย แต่อาการส่วนใหญ่ที่ผู้ป่วยโรคปอดอักเสบมักเกิดขึ้น มีดังนี้
- มีไข้ ไอ หายใจเหนื่อย หายใจลำบาก หายใจเร็ว หายใจดัง ดูดนมลำบาก มีปีกจมูกบาน ในขณะที่หายใจมีชายโครงหรือหน้าอกบุ๋มและอาจมีอาการปากเขียว
- เด็กบางรายอาจมีอาการร้องกวน งอแงมากกว่าปกติ และกระสับกระส่าย
- สำหรับอาการของเด็กเล็ก มักไม่มีลักษณะเฉพาะ อาจมีไข้หรือไม่มีไข้ก็ได้ หรือมีอาการอาเจียน ซึม และไม่ยอมกินนม
- ส่วนเด็กโต จะมีอาการเจ็บที่หน้าอกตลอดเวลาที่หายใจเข้าออก
อาการโรคปอดอักเสบในเด็กที่พ่อและแม่ควรสังเกต
สำหรับอาการของโรคปอดอักเสบหรือปอดบวม ที่คุณพ่อคุณแม่อาจสงสัยว่า จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกของเราเป็นโรคนี้ สิ่งแรก คือ การหมั่นสังเกตดูอาการของลูกอย่างใกล้ชิดว่า มีไข้ ไอ หายใจเร็ว หายใจลำบาก หายใจแรง หรือหอบเหนื่อย หากมีอาการหลอดลมในปอดตีบ ก็จะทำให้เกิดเสียงหายใจดังวี๊ด ส่วนในเด็กบางรายที่มีอาการขั้นรุนแรงอาจทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันได้ รวมทั้งการหายใจลำบากติดขัดเป็นเวลานานจะทำให้เด็กขาดออกซิเจนจนเริ่มซึม และหมดสติได้ในที่สุด
วิธีการรักษาโรคปอดอักเสบ
ในปัจจุบันแนวทางการรักษาโรคปอดอักเสบ ขึ้นอยู่กับเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุ ระดับความรุนแรงของโรค และอายุของผู้ป่วย โดยสามารถแบ่งวิธีการรักษาออกเป็น 2 ส่วน คือการรักษาตามชนิดของเชื้อ และการรักษาโดยวิธีทั่วไป
การรักษาตามชนิดของเชื้อ
การรักษาโรคปอดอักเสบที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อไวรัสจะไม่มียารักษาเฉพาะ การรักษาส่วนใหญ่จะเป็นการรักษาตามอาการ และการบำบัดรักษาทางระบบหายใจ เช่น การดูดเสมหะ การเคาะปอด ส่วนกรณีที่ตรวจพบการติดเชื้อจากไวรัสที่มียารักษาเฉพาะ เช่น ไวรัสไข้หวัดใหญ่ แพทย์จะทำการพิจารณาให้ยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ร่วมด้วย และการติดเชื้อจากแบคทีเรียจะรักษาด้วยการให้ยาปฏิชีวนะที่เหมาะสมกับเชื้อแบคทีเรียแต่ละชนิด
การรักษาโดยวิธีทั่วไปของโรคปอดอักเสบ
- พ่อและแม่ควรให้ลูกดื่มน้ำให้เพียงพอ หากมีอาการรุนแรงหรือมีภาวะขาดน้ำแพทย์จะพิจารณาให้สารน้ำทางเส้นเลือด
- ให้ออกซิเจนเพื่อให้ร่างกายได้รับปริมาณออกซิเจนที่เพียงพอ
- ให้ยาขยายหลอดลมสำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะหลอดลมตีบ
- กายภาพบำบัดปอดเพื่อให้ขับเสมหะได้ดีและไม่เกิดการอุดตัน
- รักษาตามอาการ เช่น ให้ยาแก้ปวด ยาลดไข้ หรือยาละลายเสมหะ เป็นต้น
วิธีป้องกันลูกให้ห่างไกลจากโรคปอดอักเสบ
โรคปอดอักเสบหรือปอดบวมสามารถติดต่อกันได้ง่ายผ่านการหายใจและทำให้เชื้อโรคสามารถเข้าปอดได้โดยตรง รวมทั้งผู้ป่วยที่เป็นโรคปอดอักเสบก็สามารถแพร่เชื้อได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น พ่อและแม่จะต้องพึงระวังมากเป็นพิเศษ มาดูกันว่าวิธีการปกป้องลูกน้อยให้ห่างไกลจากโรคปอดอักเสบมีอะไรบ้าง
- หลีกเลี่ยงควันบุหรี่ ควันไฟ ควันจากท่อไอเสียรถยนต์ ฝุ่นละอองต่าง ๆ หรืออากาศหนาว
- หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีผู้คนแออัด เช่น ศูนย์การค้า โรงภาพยนตร์ หรือสนามกีฬา
- ไม่ควรให้เด็กที่อายุน้อยกว่า 1 ปี หรือผู้ที่สุขภาพไม่แข็งแรงอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย
- ควรฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่
- ควรฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรค IPD (Invasive Pneumococcal Disease) โรครุนแรงที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Streptococcus pneumonia ที่เกิดโรคปอดอักเสบได้ เมื่อฉีดวัคซีนชนิดนี้เข้าไปจะช่วยลดความรุนแรงของโรคและสามารถป้องกันโรคได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม การดูแลลูกน้อยให้ดื่มนมแม่เพียงอย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดือนแรก รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่เมื่อถึงวัยที่เหมาะสม พาลูกเข้ารับวัคซีนอย่างครบถ้วน ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หรือสอนให้ลูกได้รู้จักการดูแลสุขอนามัยที่ดีให้กับตัวเอง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้ลูกห่างไกลจากโรคปอดอักเสบได้
นอกจากนี้ การเลือกเสริมภูมิคุ้มกันด้วยอาหารเสริมเพิ่มภูมิคุ้มกัน ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยเสริมเกราะป้องกันร่างกายให้ลูกได้ ด้วยการเลือกอาหารเสริมสำหรับเด็กที่มีส่วนประกอบของโพรไบโอติกส์สายพันธุ์ที่ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และพรีไบโอติกส์ที่เป็นอาหารของโพรไบโอติกส์ นอกจากนี้ หากมีสารอาหารจากธรรมชาติที่มีสรรพคุณช่วยเสริมเกราะภูมิคุ้มกัน อย่าง เอลเดอร์เบอร์รี หรือเบต้ากลูแคน ที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน รวมทั้งวิตามินและแร่ธาตุอื่น ๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ที่ผ่านการคิดค้นและพัฒนาจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางและนักโภชนาการเด็ก ก็จะช่วยให้ลูกรักได้รับประโยชน์อย่างเหมาะสมมากที่สุด
บทความที่คุณแม่ควรอ่านเพิ่มเติม
– ภูมิแพ้อากาศในเด็ก พ่อและแม่ควรดูแลลูกอย่างไรบ้าง ทานอะไรช่วยป้องกันอาการแพ้อากาศ
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจาก Promom
ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเด็ก คิดค้นวิตามินเสริมภูมิคุ้มกันเด็กและพัฒนาจากองค์ความรู้ ของทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางและนักโภชนาการเด็ก
บทความอื่นๆที่น่าสนใจ
ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเด็ก คิดค้นวิตามินเสริมภูมิคุ้มกันเด็กและพัฒนาจากองค์ความรู้ ของทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางและนักโภชนาการเด็ก