6 วิธีสร้างทักษะอนาคต (Future skill) สำหรับลูก
เรื่องราวดีๆจาก Promom สำหรับคุณแม่และลูกน้อย
ในโลกอนาคตจะมีสายอาชีพเกิดใหม่เพื่อให้ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงไปของเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ ส่งผลให้บางสายอาชีพก็จะค่อย ๆ หายไป หรือถูกแทนที่ด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI แล้วแบบนี้พ่อแม่อย่างเราจะฝึกลูกให้มี Future skill หรือ ทักษะอนาคต อย่างไร เพื่อให้พวกเขาสามารถเติบโตอย่างสมบูรณ์แบบในโลกที่มีการแข่งขันสูง มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และสามารถประสบความสำเร็จในโลกแห่งอนาคตได้ วันนี้เรามีคำแนะนำมาฝากกันค่ะ
ทักษะอนาคต (Future skill) คืออะไร
ทักษะอนาคต หรือ Future skill เป็นทักษะที่ถูกประเมินมาแล้วว่ามีความสำคัญอย่างมากสำหรับโลกในอนาคตที่เทคโนโลยีต่าง ๆ จะเข้ามามีบทบาทกับชีวิตมนุษย์อย่างเต็มรูปแบบ
อาชีพที่คาดว่าจะมีความโดดเด่นในศตวรรษที่ 21 และต้องอาศัย ทักษะอนาคต (Future skill)
- ผู้ควบคุมการจราจรโดรน ซึ่งปัจจุบันก็เริ่มนิยมอย่างแพร่หลายแล้ว
- หรือผู้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเลือกซื้อหุ่นยนต์และโปรแกรมที่เหมาะสมให้กับลูกค้า (Robot Consultants)
- นักออกแบบที่เปลี่ยนขยะเหลือใช้ให้เกิดประโยชน์ (Garbage Designer)
- ช่างซ่อมรถไร้คนขับ สอดคล้องกับโลกอนาคตที่จะมีรถไร้คนขับเข้ามาแทน
- แพทย์วิทยาการข้อมูล (Data Physician) แพทย์ที่รักษาผู้ป่วยโดยใช้ชีวประวัติและข้อมูลส่วนตัวของผู้ป่วยแต่ละคนในการรักษา มากกว่าแค่การรักษาแค่อาการล่าสุดที่พบเห็นได้
อาชีพเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่จะโดดเด่นในอนาคต และเชื่อว่าในทุก ๆ ปี ก็จะมีกลุ่มอาชีพต่าง ๆ ที่น่าสนใจในอนาคตมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นพ่อแม่ควรติดตามข่าวสารบ่อย ๆ เพื่อให้รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง และปรับเปลี่ยนวิธีการสอนลูกให้ทันยุคสมัยและสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงภายในสังคมได้ดีที่สุด
6 วิธีสร้างทักษะอนาคต (Future skill) ให้ลูกเติบโตพร้อมรับอาชีพในอนาคต
เพราะการสอนลูกแบบเดิม ๆ จะกลายเป็นเรื่องล้าหลังและส่งผลเสียต่อการเรียนรู้ของลูกในอนาคต คุณพ่อคุณแม่เองจึงต้องหมั่นเรียนรู้เทคนิคการสอนลูกในรูปแบบใหม่ ๆ ให้เท่าทันยุคสมัย รวมทั้งยังต้องให้ความสำคัญในการฝึกทักษะอนาคตให้ลูกตั้งแต่วัยเด็ก เพื่อให้ลูกเป็นเด็กที่มีศักยภาพสูงสุดเช่นเดียวกับที่ตลาดแรงงานในอนาคตต้องการ โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถฝึกฝนให้ลูกมีทักษะที่สำคัญต่าง ๆ ดังนี้
1. สนับสนุนให้ลูกขวนขวาย และเรียนรู้อย่างสม่ำเสมอ
การปลูกฝังให้ลูกรู้จักคิด รู้จักสงสัย จะทำให้เขาเป็นเด็กที่อยากเรียนรู้ตลอดชีวิต สนับสนุนให้ลูกหาคำตอบผ่านกระบวนการต่าง ๆ และช่วยให้ลูกมีความสุขกับการสำรวจโลกรอบตัว โดยไม่จำกัดแค่ในห้องเรียน หรือกรอบจำกัดของพ่อแม่ ควรเปิดกว้างให้ลูกได้เรียนรู้ในสิ่งที่สนใจ สนับสนุนให้ลูกได้ลงมือทดลองทำกิจกรรมหลาย ๆ อย่าง และดูว่าลูกชอบอะไรที่สุด แล้วค่อย ๆ พัฒนาความถนัดเหล่านั้นจนเชี่ยวชาญโดดเด่น
2. กระตุ้นทักษะการคิดอย่างสร้างสรรค์
แม้ว่าหุ่นยนต์ หรือ AI จะเริ่มถูกใช้งานอย่างแพร่หลาย แต่สิ่งหนึ่งที่พวกมันยังไม่สามารถทำได้เช่นเดียวกับมนุษย์ คือ การมีความคิดสร้างสรรค์ จะเห็นว่ากลุ่มงานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ จะไม่ถูกกลืนหายไป และยังเป็นกลุ่มงานที่ต้องใช้ทักษะต่าง ๆ จากมนุษย์อยู่เสมอ ดังนั้น เพื่อให้ลูกมีทักษะการคิดอย่างสร้างสรรค์ พ่อแม่ควรบ่มเพาะตั้งแต่เด็ก โดยผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย และฝึกการแก้ปัญหา หรือตอบคำถามปลายเปิด ซึ่งไม่มีผิดหรือถูกตายตัว แต่เน้นให้ลูกสามารถคิดได้อย่างอิสระ
3. ต้องรู้จักยืดหยุ่น
ความฉลาดทางปัญญาอย่างเดียวอาจไม่เพียงพออีกแล้วในโลกยุคใหม่ การรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทุกวันจึงเป็นอีกหนึ่งความท้าทายสำหรับเด็ก ๆ พวกเขาจำเป็นต้องมีความยืดหยุ่น พร้อมที่จะเปิดใจเรียนรู้ทั้งแนวกว้างและแนวลึก หากชุดความรู้เก่าใช้ไม่ได้ในยุคนี้ก็จะหาทางนำเสนอสิ่งใหม่ที่ดีกว่า เพื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
การฝึกให้เด็ก ๆ รู้จักตัวเอง รู้จักปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ โดยไม่ยึดติดขนบและระเบียบแบบแผนเดิม ๆ ที่ใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไปนั้น จะช่วยให้ลูกเราคิดหาทางไปต่อได้แม้ไร้กระบวนท่า เพราะไม่รู้ว่าในอนาคตจะมีเรื่องไม่คาดฝันอะไรเกิดขึ้นอีกบ้าง จึงต้องเตรียมตัวเองให้พร้อมรับมือกับปัญหาอยู่เสมอ และปัญหายาก ๆ ที่ท้าทายนี้จะช่วยสร้างอาชีพใหม่ให้พวกเขาได้ในอนาคต
4. เสริมทักษะเทคโนโลยี
เมื่อเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเราทุกคน เด็ก ๆ อาจต้องเข้าใจภาษาคอมพิวเตอร์ หรืออย่างน้อย ๆ ต้องทำความเข้าใจหลักการใช้งานคำสั่งต่าง ๆ เข้าใจรูปแบบการทำงานในโลกดิจิทัลมากขึ้น
5. เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับ AI
หุ่นยนต์ หรือ AI หลายชนิด ก็จำเป็นจะต้องถูกใช้หรือสั่งการโดยมนุษย์ หากเรียนรู้ทักษะการเป็นผู้ควบคุมระบบปัญญาประดิษฐ์ได้ และคุณพ่อคุณแม่ช่วยผลักดันลูกให้มีความถนัดเฉพาะด้าน ไม่เพียงแต่เราจะใช้ AI ในการช่วยงานได้อย่างยอดเยี่ยมแล้ว แต่ยังสามารถดึงความพิเศษของ AI มาใช้ในการตอบสนองความต้องการของมนุษย์ได้ดีขึ้นด้วย
6. ต้องมีความฉลาดทางอารมณ์และการสังคม
แม้ว่างานส่วนหนึ่งอาจถูกแทนที่ด้วย AI แต่สิ่งที่เทคโนโลยีไม่อาจมีทดแทนให้ได้ คือความเข้าใจมนุษย์ ความเห็นอกเห็นใจ ความร่วมมือทำงานเป็นทีม การมีศีลธรรมอันดีงาม และทักษะการสื่อสารที่ดี ซึ่งรวม ๆ แล้วเราเรียกว่า ทักษะทางอารมณ์และสังคม ซึ่งจะช่วยให้การทำงานราบรื่นได้ดีกว่า ซึ่งการจะเสริมสร้างความฉลาดทางอารมณ์และการเข้าสังคมนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ยากจนเกินไป เพียงแค่คุณพ่อคุณแม่มอบความรัก เวลา ความใส่ใจ ฝึกฝนให้เด็ก ๆ มีกระบวนการคิดอย่างมีเหตุผล สร้างความเชื่อมั่น และชื่นชมเพื่อให้ลูกมีความภาคภูมิใจในตนเองอยู่เสมอ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะหล่อหลอมให้ลูกมีทักษะอนาคตที่ดี และพร้อมจะใช้ชีวิตในโลกความเป็นจริงได้อย่างมีคุณภาพและศักยภาพสูงสุด
อาหารสมอง สิ่งสำคัญที่ช่วยให้ลูกเรียนรู้ ทักษะอนาคต ได้อย่างสมบูรณ์
สิ่งที่เป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการเรียนรู้ที่ดีก็คือการมีสมองที่พร้อมเรียนรู้อย่างชาญฉลาด เมื่อสมองดี ลูกก็จะสามารถเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ และสามารถฝึกฝนวิธีทั้ง 6 ที่เราได้แนะนำไปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งผู้ปกครองสามารถดูแลลูกรักให้ได้รับสารอาหารสำคัญสำหรับสมอง ได้แก่
- DHA กรดไขมันจำเป็นในตระกูล Omega-3 เป็นโครงสร้างพื้นฐานของเซลล์สมองและจอประสาทตา โดย DHA จะพบในสมอง 40% และพบในจอประสาทตา 60% นั่นหมายความว่า DHA ถือเป็นองค์ประกอบหลักของเซลล์สมองและจอประสาทตา อย่างไรก็ตาม ควรเลือก DHA ชนิดปราศจากโลหะหนัก จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการสมองอย่างปลอดภัย และมีประสิทธิภาพมากกว่าดีเอชเอทั่วไป
- SunActive Fe ธาตุเหล็กตัวนี้จะมีส่วนสำคัญในการดูดซึมและนำ DHA ไปใช้ มีผลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ 1st brain ทั้งระบบประสาท สมอง ความจำ และสติปัญญา
- โพรไบโอติก โดยทั่วไปแล้ว เราจะรู้จักกันว่าช่วยสร้างภูมิคุ้มกันและปรับสมดุลลำไส้ แต่มีโพรไบโอติกส์ จำนวน 5 ชนิด คือ Lactobacillus casei, Lactobacillus rhamnosus, Bifidobacterium breve, Bacillus Coagulans, Lactobacillus gasseri ที่ช่วยเสริมสร้างการทำงานของ 2nd brain หรือสมองส่วนที่สอง หรือ ลำไส้ ช่วยผลิตสารสื่อประสาทส่งกลับไปยังสมองส่วนที่หนึ่ง เพื่อพัฒนาสมอง ส่งเสริมความจำและเสริมสร้างการเรียนรู้ให้ดียิ่งขึ้น
- SunTheanine กรดอะมิโนจำเป็นจากธรรมชาติ โดยสกัดมาจากใบชา ส่วนช่วยผ่อนคลาย เพิ่มสมาธิ และช่วยให้ลูกนอนหลับสนิทตลอดคืน ตื่นมาอย่างสดใส พร้อมเรียนรู้ในวันรุ่งขึ้นได้อย่างเต็มที่
โดยสารอาหารสำคัญทั้งหมดนี้ หากได้ทำงานร่วมกัน จะส่งผลดีต่อพัฒนาการสมอง ให้ลูกมีสติปัญญาดี อารมณ์ดี ฉลาดสมวัย พร้อมที่จะเรียนรู้ และพัฒนาทักษาอนาคต (Future skill) ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
บทความที่ควรอ่านต่อ
อยากให้ลูกมีเรียนไว มีพัฒนาการดี พ่อแม่ต้องทำอะไรบ้าง
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจาก Promom
ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเด็ก คิดค้นวิตามินเสริมภูมิคุ้มกันเด็กและพัฒนาจากองค์ความรู้ ของทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางและนักโภชนาการเด็ก
บทความอื่นๆที่น่าสนใจ
ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเด็ก คิดค้นวิตามินเสริมภูมิคุ้มกันเด็กและพัฒนาจากองค์ความรู้ ของทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางและนักโภชนาการเด็ก