ในโลกอนาคตจะมีสายอาชีพเกิดใหม่เพื่อให้ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงไปของเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ ส่งผลให้บางสายอาชีพก็จะค่อย ๆ หายไป หรือถูกแทนที่ด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI แล้วแบบนี้พ่อแม่อย่างเราจะฝึกลูกให้มี Future skill หรือ ทักษะอนาคต อย่างไร เพื่อให้พวกเขาสามารถเติบโตอย่างสมบูรณ์แบบในโลกที่มีการแข่งขันสูง มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และสามารถประสบความสำเร็จในโลกแห่งอนาคตได้ วันนี้เรามีคำแนะนำมาฝากกันค่ะ
ทักษะอนาคต (Future skill) คืออะไร
ทักษะอนาคต หรือ Future skill เป็นทักษะที่ถูกประเมินมาแล้วว่ามีความสำคัญอย่างมากสำหรับโลกในอนาคตที่เทคโนโลยีต่าง ๆ จะเข้ามามีบทบาทกับชีวิตมนุษย์อย่างเต็มรูปแบบ
อาชีพที่คาดว่าจะมีความโดดเด่นในศตวรรษที่ 21 และต้องอาศัย ทักษะอนาคต (Future skill)
- ผู้ควบคุมการจราจรโดรน ซึ่งปัจจุบันก็เริ่มนิยมอย่างแพร่หลายแล้ว
- หรือผู้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเลือกซื้อหุ่นยนต์และโปรแกรมที่เหมาะสมให้กับลูกค้า (Robot Consultants)
- นักออกแบบที่เปลี่ยนขยะเหลือใช้ให้เกิดประโยชน์ (Garbage Designer)
- ช่างซ่อมรถไร้คนขับ สอดคล้องกับโลกอนาคตที่จะมีรถไร้คนขับเข้ามาแทน
- แพทย์วิทยาการข้อมูล (Data Physician) แพทย์ที่รักษาผู้ป่วยโดยใช้ชีวประวัติและข้อมูลส่วนตัวของผู้ป่วยแต่ละคนในการรักษา มากกว่าแค่การรักษาแค่อาการล่าสุดที่พบเห็นได้
อาชีพเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่จะโดดเด่นในอนาคต และเชื่อว่าในทุก ๆ ปี ก็จะมีกลุ่มอาชีพต่าง ๆ ที่น่าสนใจในอนาคตมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นพ่อแม่ควรติดตามข่าวสารบ่อย ๆ เพื่อให้รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง และปรับเปลี่ยนวิธีการสอนลูกให้ทันยุคสมัยและสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงภายในสังคมได้ดีที่สุด
6 วิธีสร้างทักษะอนาคต (Future skill) ให้ลูกเติบโตพร้อมรับอาชีพในอนาคต
เพราะการสอนลูกแบบเดิม ๆ จะกลายเป็นเรื่องล้าหลังและส่งผลเสียต่อการเรียนรู้ของลูกในอนาคต คุณพ่อคุณแม่เองจึงต้องหมั่นเรียนรู้เทคนิคการสอนลูกในรูปแบบใหม่ ๆ ให้เท่าทันยุคสมัย รวมทั้งยังต้องให้ความสำคัญในการฝึกทักษะอนาคตให้ลูกตั้งแต่วัยเด็ก เพื่อให้ลูกเป็นเด็กที่มีศักยภาพสูงสุดเช่นเดียวกับที่ตลาดแรงงานในอนาคตต้องการ โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถฝึกฝนให้ลูกมีทักษะที่สำคัญต่าง ๆ ดังนี้
1. สนับสนุนให้ลูกขวนขวาย และเรียนรู้อย่างสม่ำเสมอ
การปลูกฝังให้ลูกรู้จักคิด รู้จักสงสัย จะทำให้เขาเป็นเด็กที่อยากเรียนรู้ตลอดชีวิต สนับสนุนให้ลูกหาคำตอบผ่านกระบวนการต่าง ๆ และช่วยให้ลูกมีความสุขกับการสำรวจโลกรอบตัว โดยไม่จำกัดแค่ในห้องเรียน หรือกรอบจำกัดของพ่อแม่ ควรเปิดกว้างให้ลูกได้เรียนรู้ในสิ่งที่สนใจ สนับสนุนให้ลูกได้ลงมือทดลองทำกิจกรรมหลาย ๆ อย่าง และดูว่าลูกชอบอะไรที่สุด แล้วค่อย ๆ พัฒนาความถนัดเหล่านั้นจนเชี่ยวชาญโดดเด่น
2. กระตุ้นทักษะการคิดอย่างสร้างสรรค์
แม้ว่าหุ่นยนต์ หรือ AI จะเริ่มถูกใช้งานอย่างแพร่หลาย แต่สิ่งหนึ่งที่พวกมันยังไม่สามารถทำได้เช่นเดียวกับมนุษย์ คือ การมีความคิดสร้างสรรค์ จะเห็นว่ากลุ่มงานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ จะไม่ถูกกลืนหายไป และยังเป็นกลุ่มงานที่ต้องใช้ทักษะต่าง ๆ จากมนุษย์อยู่เสมอ ดังนั้น เพื่อให้ลูกมีทักษะการคิดอย่างสร้างสรรค์ พ่อแม่ควรบ่มเพาะตั้งแต่เด็ก โดยผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย และฝึกการแก้ปัญหา หรือตอบคำถามปลายเปิด ซึ่งไม่มีผิดหรือถูกตายตัว แต่เน้นให้ลูกสามารถคิดได้อย่างอิสระ
3. ต้องรู้จักยืดหยุ่น
ความฉลาดทางปัญญาอย่างเดียวอาจไม่เพียงพออีกแล้วในโลกยุคใหม่ การรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทุกวันจึงเป็นอีกหนึ่งความท้าทายสำหรับเด็ก ๆ พวกเขาจำเป็นต้องมีความยืดหยุ่น พร้อมที่จะเปิดใจเรียนรู้ทั้งแนวกว้างและแนวลึก หากชุดความรู้เก่าใช้ไม่ได้ในยุคนี้ก็จะหาทางนำเสนอสิ่งใหม่ที่ดีกว่า เพื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
การฝึกให้เด็ก ๆ รู้จักตัวเอง รู้จักปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ โดยไม่ยึดติดขนบและระเบียบแบบแผนเดิม ๆ ที่ใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไปนั้น จะช่วยให้ลูกเราคิดหาทางไปต่อได้แม้ไร้กระบวนท่า เพราะไม่รู้ว่าในอนาคตจะมีเรื่องไม่คาดฝันอะไรเกิดขึ้นอีกบ้าง จึงต้องเตรียมตัวเองให้พร้อมรับมือกับปัญหาอยู่เสมอ และปัญหายาก ๆ ที่ท้าทายนี้จะช่วยสร้างอาชีพใหม่ให้พวกเขาได้ในอนาคต
4. เสริมทักษะเทคโนโลยี
เมื่อเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเราทุกคน เด็ก ๆ อาจต้องเข้าใจภาษาคอมพิวเตอร์ หรืออย่างน้อย ๆ ต้องทำความเข้าใจหลักการใช้งานคำสั่งต่าง ๆ เข้าใจรูปแบบการทำงานในโลกดิจิทัลมากขึ้น
5. เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับ AI
หุ่นยนต์ หรือ AI หลายชนิด ก็จำเป็นจะต้องถูกใช้หรือสั่งการโดยมนุษย์ หากเรียนรู้ทักษะการเป็นผู้ควบคุมระบบปัญญาประดิษฐ์ได้ และคุณพ่อคุณแม่ช่วยผลักดันลูกให้มีความถนัดเฉพาะด้าน ไม่เพียงแต่เราจะใช้ AI ในการช่วยงานได้อย่างยอดเยี่ยมแล้ว แต่ยังสามารถดึงความพิเศษของ AI มาใช้ในการตอบสนองความต้องการของมนุษย์ได้ดีขึ้นด้วย
6. ต้องมีความฉลาดทางอารมณ์และการสังคม
แม้ว่างานส่วนหนึ่งอาจถูกแทนที่ด้วย AI แต่สิ่งที่เทคโนโลยีไม่อาจมีทดแทนให้ได้ คือความเข้าใจมนุษย์ ความเห็นอกเห็นใจ ความร่วมมือทำงานเป็นทีม การมีศีลธรรมอันดีงาม และทักษะการสื่อสารที่ดี ซึ่งรวม ๆ แล้วเราเรียกว่า ทักษะทางอารมณ์และสังคม ซึ่งจะช่วยให้การทำงานราบรื่นได้ดีกว่า ซึ่งการจะเสริมสร้างความฉลาดทางอารมณ์และการเข้าสังคมนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ยากจนเกินไป เพียงแค่คุณพ่อคุณแม่มอบความรัก เวลา ความใส่ใจ ฝึกฝนให้เด็ก ๆ มีกระบวนการคิดอย่างมีเหตุผล สร้างความเชื่อมั่น และชื่นชมเพื่อให้ลูกมีความภาคภูมิใจในตนเองอยู่เสมอ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะหล่อหลอมให้ลูกมีทักษะอนาคตที่ดี และพร้อมจะใช้ชีวิตในโลกความเป็นจริงได้อย่างมีคุณภาพและศักยภาพสูงสุด
อาหารสมอง สิ่งสำคัญที่ช่วยให้ลูกเรียนรู้ ทักษะอนาคต ได้อย่างสมบูรณ์
สิ่งที่เป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการเรียนรู้ที่ดีก็คือการมีสมองที่พร้อมเรียนรู้อย่างชาญฉลาด เมื่อสมองดี ลูกก็จะสามารถเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ และสามารถฝึกฝนวิธีทั้ง 6 ที่เราได้แนะนำไปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งผู้ปกครองสามารถดูแลลูกรักให้ได้รับสารอาหารสำคัญสำหรับสมอง ได้แก่
- DHA กรดไขมันจำเป็นในตระกูล Omega-3 เป็นโครงสร้างพื้นฐานของเซลล์สมองและจอประสาทตา โดย DHA จะพบในสมอง 40% และพบในจอประสาทตา 60% นั่นหมายความว่า DHA ถือเป็นองค์ประกอบหลักของเซลล์สมองและจอประสาทตา อย่างไรก็ตาม ควรเลือก DHA ชนิดปราศจากโลหะหนัก จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการสมองอย่างปลอดภัย และมีประสิทธิภาพมากกว่าดีเอชเอทั่วไป
- SunActive Fe ธาตุเหล็กตัวนี้จะมีส่วนสำคัญในการดูดซึมและนำ DHA ไปใช้ มีผลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ 1st brain ทั้งระบบประสาท สมอง ความจำ และสติปัญญา
- โพรไบโอติก โดยทั่วไปแล้ว เราจะรู้จักกันว่าช่วยสร้างภูมิคุ้มกันและปรับสมดุลลำไส้ แต่มีโพรไบโอติกส์ จำนวน 5 ชนิด คือ Lactobacillus casei, Lactobacillus rhamnosus, Bifidobacterium breve, Bacillus Coagulans, Lactobacillus gasseri ที่ช่วยเสริมสร้างการทำงานของ 2nd brain หรือสมองส่วนที่สอง หรือ ลำไส้ ช่วยผลิตสารสื่อประสาทส่งกลับไปยังสมองส่วนที่หนึ่ง เพื่อพัฒนาสมอง ส่งเสริมความจำและเสริมสร้างการเรียนรู้ให้ดียิ่งขึ้น
- SunTheanine กรดอะมิโนจำเป็นจากธรรมชาติ โดยสกัดมาจากใบชา ส่วนช่วยผ่อนคลาย เพิ่มสมาธิ และช่วยให้ลูกนอนหลับสนิทตลอดคืน ตื่นมาอย่างสดใส พร้อมเรียนรู้ในวันรุ่งขึ้นได้อย่างเต็มที่
โดยสารอาหารสำคัญทั้งหมดนี้ หากได้ทำงานร่วมกัน จะส่งผลดีต่อพัฒนาการสมอง ให้ลูกมีสติปัญญาดี อารมณ์ดี ฉลาดสมวัย พร้อมที่จะเรียนรู้ และพัฒนาทักษาอนาคต (Future skill) ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
บทความที่ควรอ่านต่อ
อยากให้ลูกมีเรียนไว มีพัฒนาการดี พ่อแม่ต้องทำอะไรบ้าง
รู้จักทักษะ EF ทักษะสำคัญต่อพัฒนาการของลูกรักในยุคปัจจุบัน
10 เทคนิค ทำยังไงให้ลูกเรียนเก่ง คำถามยอดฮิตของเหล่าคุณ
แหล่งข้อมูล
-
DHA Probio 9 Plus (14 ซอง)
1,350 บาท เพิ่มลงในตระกร้า -
Cal-D-KII 6 Plus (14 ซอง)
1,450 บาท เพิ่มลงในตระกร้า -
Muti-IMMU 24 (14 ซอง)
1,200 บาท เพิ่มลงในตระกร้า -
Nutri Plus 41 | 42 (7 ซอง)
550 บาท เพิ่มลงในตระกร้า -
DHA Probio 9 (14 ซอง)
1,200 บาท เพิ่มลงในตระกร้า -
Muti-IMMU 24 Plus (14 ซอง)
1,350 บาท เพิ่มลงในตระกร้า -
Nutri Plus 41 | 42 (14 ซอง)
1,100 บาท เพิ่มลงในตระกร้า
ติดตามและรับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ โปรโมชันและความรู้ดี ๆ ก่อนใครได้ที่นี่
ติดตาม Promom