ลูกหลับไม่สนิท เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่สร้างความทุกข์ใจให้คุณพ่อคุณแม่เป็นอย่างมาก เพราะ ปัญหาลูกนอนหลับไม่สนิท นอกจากจะทำให้เด็ก ๆ พักผ่อนไม่เต็มที่ มีอาการงัวเงียงอแงตลอดวัน ทำให้ศักยภาพการเรียนรู้ลดลงแล้ว หากเกิดขึ้นเป็นประจำไปนาน ๆ จะส่งผลต่อพัฒนาการและการเจริญเติบโตของลูกในระยะยาวได้ คุณพ่อคุณแม่จึงต้องศึกษาหาวิธีที่จะช่วยทำให้นอนหลับสนิทอย่างมีคุณภาพ เพื่อให้เด็ก ๆ พักผ่อนอย่างเต็มที่ และตื่นขึ้นมาพร้อมสมองที่ปลอดโปร่ง พร้อมเรียนรู้อย่างเต็มศักยภาพมากที่สุด
ลูกหลับไม่สนิท เกิดจากอะไร
ปัญหาอาการนอนหลับไม่สนิทของลูกน้อยเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยด้วยกัน โดยสามารถแบ่งสาเหตุของอาการลูกนอนไม่หลับได้คร่าว ๆ ดังนี้
- ลูกกินนมบ่อยและมากเกินไป การให้ลูกกินนมบ่อยเกินไป เช่น กินนมทุก ๆ 1 – 2 ชั่วโมง หรือป้อนนมลูกทุกครั้งที่ลูกร้องไห้จนทำให้ลูกเกิดความเคยชินและร้องกินนมตลอดเวลา ซึ่งในบางครั้งคุณแม่ก็อาจป้อนนมให้ลูกเกินความจำเป็น จนทำให้เกิดอาการอึดอัดและแน่นท้อง เมื่อลูกรู้สึกไม่สบายท้อง ก็จะนอนหลับพักผ่อนได้ไม่เต็มที่
- สภาพแวดล้อม คือหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลทำให้ลูกนอนไม่หลับ พ่อและแม่ควรตั้งอุณหภูมิภายในห้องนอนของลูกให้รู้สึกสบายตัว ไม่หนาวและไม่ร้อนจนเกินไป โดยอุณหภูมิห้องนอนที่เหมาะสมควรอยู่ที่ประมาณ 24 – 26 องศาเซลเซียส รวมทั้งยังต้องคอยระวังเรื่องเสียงรบกวน และแสงสว่างต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อการนอนจนทำให้ลูกตื่นบ่อยกลางดึก
- รู้สึกไม่สบายตัว เป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกนอนหลับยากและตื่นขึ้นมาร้องกลางดึกได้ ไม่ว่าจะเป็น ไข้หวัด โคลิก มีผื่นคัน หรือไม่สบายท้อง ล้วนแล้วแต่เป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกนอนหลับยาก โดยเฉพาะอาการไม่สบายท้องจากปัญหาระบบย่อยอาหารของเด็กทำงานไม่เป็นปกติ เช่น ไม่สามารถย่อยโปรตีนและน้ำตาลแลคโตสในนมได้ ทำให้เกิดแก๊สในท้อง และรู้สึกไม่สบายท้องตลอดเวลา หรือหากลูกมีปัญหาผื่นคันต่าง ๆ คุณแม่ควรหาสาเหตุที่ทำให้เกิดผดผื่นผิวหนัง หรือพาลูกไปพบแพทย์เฉพาะทาง เพื่อหาสาเหตุและทำการรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป
ลูกนอนผวา สะดุ้งตื่นตอนกลางคืน เกิดจากอะไร?
นอกจากปัญหาลูกหลับไม่สนิทแล้ว ในบางครั้ง เด็ก ๆ อาจยังมี อาการนอนสะดุ้ง นอนผวาในตอนกลางคืนร่วมด้วย ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ลูกนอนหลับไม่สนิท โดยส่วนใหญ่แล้วอาการที่ลูกนอนผวา หรือนอนสะดุ้ง มักเกิดขึ้นกับเด็กทารกแรกเกิดไปจนถึงอายุ 2 – 3 เดือน เกิดขึ้นได้ทั้งในขณะนอนตอนกลางวันและตอนกลางคืน
โดยปัจจัยที่ทำให้ลูกนอนผวา เกิดขึ้นจากระบบประสาทอัตโนมัติ ที่มีชื่อเรียกว่า Moro Reflex ถูกกระตุ้นจากแสงสว่าง เสียง หรือสิ่งเร้าอื่น ๆ ทำให้ร่างกายเกิดการตอบสนองขึ้นมาทันที โดยอาการเหล่านี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้กับทารกแรกเกิดทุกคน และเมื่อลูกเติบโตขึ้น อาการนอนผวาก็จะค่อย ๆ หายไปเอง รวมทั้งยังไม่มีผลเสียที่กระทบต่อพัฒนาการของลูกน้อยแต่อย่างใด
วิธีป้องกันอาการลูกนอนผวา สะดุ้งตื่นกลางคืน และนอนหลับไม่สนิท
- ลดการกระตุ้นทางเสียง ลองปรับบรรยากาศในห้องนอนให้เงียบ หรือเปิดเพลงคลอเบา ๆ ให้ลูกรู้สึกเคลิ้มหลับ
- ลดการกระตุ้นจากแสง พ่อและแม่ควรจัดห้องนอนของลูกให้มีความมืดหรือลดแสงให้น้อยที่สุด เนื่องจากเด็กแรกเกิดใช้เวลาอยู่ในครรภ์มารดามานานพอสมควร จึงทำให้เกิดความเคยชินกับที่พื้นแสงน้อย เมื่อต้องออกมาเจอกับพื้นที่ที่มีแสงสว่างจะทำให้ลูกนอนผวาได้ง่าย
- ห่อตัวลูกด้วยผ้า การใช้ผ้าห่มห่อตัวลูก จะช่วยทำให้ลูกรู้สึกถึงความอบอุ่น และมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ซึ่งให้ความรู้สึกเดียวกันกับตอนที่กำลังอยู่ในครรภ์ของคุณแม่ ก็จะช่วยทำให้ลูกนอนหลับสนิทตลอดคืนไม่มีอาการผวาและตื่นมากลางดึก
- นอนกอดลูก คุณแม่นอนโอบกอดลูกอย่างเบามือเพื่อให้ลูกได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่อบอุ่นภายในอ้อมกอดของแม่ โดยคอยสังเกตช่วงเวลาที่ลูกมักมีอาการผวาหรือสะดุ้ง แล้วใช้ช่วงเวลานั้นนอนกอดลูก และส่งผ่านความห่วงใยจากแม่ไปสู่ลูกรัก
- อุ้มลูกน้อยแนบตัวให้นานที่สุด เมื่อพบว่าลูกมีอาการนอนผวา ให้คุณแม่ค่อย ๆ อุ้มลูกขึ้นมาแนบตัวไว้เพื่อทำให้เขาได้ยินเสียงหัวใจของคุณแม่ และรับรู้ถึงความปลอดภัย เมื่อลูกหลับสนิทให้ค่อย ๆ วางลูกบนที่นอนอย่างเบามือและห่มผ้าบนหน้าอกอีกหนึ่งชั้น ก็จะช่วยบรรเทาอาการสะดุ้งตื่นกลางดึกได้เป็นอย่างดี
แก้ปัญหาลูกนอนหลับไม่สนิท ด้วย Sun Theanine สารอาหารจากธรรมชาติ
นอกจากการดูแลลูกรักตามคำแนะนำข้างต้นแล้ว อีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญ คือ การเลือกเสริมผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของ Sun Theanine ซึ่งเป็นกรดอะมิโนจากธรรมชาติ ปัจจุบันแบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสำหรับเด็กหลายเจ้า ได้คิดค้นอาหารเสริมสำหรับเด็กที่มาในรูปแบบผงกรอกปากที่ได้รวบรวมสารอาหารที่มีประโยชน์ไว้อย่างมากมาย พร้อมทำให้ร่างกายของลูกรักสามารถนอนหลับพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ และนอนหลับสนิทได้ตลอดทั้งคืน มาในรูปแบบการรับประทานง่าย รับประทานสะดวก เพียงแค่ฉีกซองกรอกปาก เหมาะกับลูกรักของคุณแม่ในวัย 1 ขวบขึ้นไป ช่วยให้เด็ก ๆ ตื่นขึ้นมาพร้อมสมองที่ปลอดโปร่ง พร้อมเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่ตามวัย
นอกจากนี้แล้ว หากในผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ยังประกอบด้วยสารอาหารที่ดีต่อสมอง ก็จะช่วยพัฒนาระบบประสาทและสมองของลูกได้เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับเด็กวัยกำลังโต ได้แก่
- ดีเอชเอ (DHA) ชนิดไม่มีโลหะหนักปนเปื้อน กรดไขมันจำเป็นในตระกูลโอเมก้า 3 เป็นโครงสร้างพื้นฐานของเซลล์สมองและจอประสาทตา ในสมองและเซลล์ประสาทตาของคนเราประกอบด้วยกรดไขมันหลายชนิด แต่ชนิดที่มีมากที่สุดคือ DHA โดยพบในสมอง 40% และพบในจอประสาทตา 60% เท่ากับเป็นองค์ประกอบหลักของเซลล์สมองที่ขาดไม่ได้เลย
- ธาตุเหล็ก Fe (SunActive Fe) มีส่วนสำคัญในการทำงานของระบบประสาท สมอง ความจำ ของลูกได้เป็นอย่างดี
โพรไบโอติกส์ (Probiotics) ทั้ง 5 ชนิด คือ Brain Biotics ทั้ง 5 ชนิด คือ Lactobacillus casei, Lactobacillus rhamnosus, Bifidobacterium breve, Lactobacillus gasseri และ Bacillus Coagulans ไม่เพียงช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันลูกแข็งแรง การทำงานของลำไส้เป็นปกติ แต่ยังมีส่วนช่วยการทำงานของสมอง (1st brain) และสมองส่วนที่สอง (2nd brain) ซึ่งอยู่บริเวณลำไส้ ให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถผลิตสารสื่อประสาทส่งกลับขึ้นมายังสมอง เพื่อเสริมสร้างสมอง ความจำ การเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
แหล่งข้อมูล
-
Muti-IMMU 24 Plus (14 ซอง)
1,350 บาท เพิ่มลงในตระกร้า -
DHA Probio 9 (14 ซอง)
1,200 บาท เพิ่มลงในตระกร้า -
Nutri Plus 41 | 42 (7 ซอง)
550 บาท เพิ่มลงในตระกร้า -
Cal-D-KII 6 Plus (14 ซอง)
1,450 บาท เพิ่มลงในตระกร้า -
DHA Probio 9 Plus (14 ซอง)
1,350 บาท เพิ่มลงในตระกร้า -
Muti-IMMU 24 (14 ซอง)
1,200 บาท เพิ่มลงในตระกร้า -
Nutri Plus 41 | 42 (14 ซอง)
1,100 บาท เพิ่มลงในตระกร้า
ติดตามและรับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ โปรโมชันและความรู้ดี ๆ ก่อนใครได้ที่นี่
ติดตาม Promom