IQ (Intelligence Quotient) คือ ความฉลาดทางสติปัญญา เป็นความสามารถในการคิด วิเคราะห์ การคำนวณ และการใช้เหตุผล แล้วจะมีวิธีทดสอบไอคิวอย่างไร มีประโยชน์อย่างไร มาติดตามกันค่ะ
การทดสอบไอคิว จะช่วยให้พ่อแม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับสติปัญญา ความพร้อมในการเรียนรู้ของลูก หรือบางกรณียังช่วยในการวางแผนเพื่อปูทางสู่ความเป็นเลิศทางวิชาการของลูก และช่วยให้มีแนวทางวางแผนการเรียนรู้ที่เหมาะสมให้แก่ลูก โดยที่ไม่ฝืนความสามารถของลูกจนเกินไป ซึ่งจะเป็นผลดีมากกว่าการบังคับให้ลูกเรียนทุกอย่าง โดยที่ลูกอาจจะไม่ชอบ หรือไม่สามารถทำออกมาได้ดี แล้วก็จะเกิดความเครียดและความกดดันในที่สุด
ทดสอบไอคิวได้ที่ไหน
การตรวจวัดระดับ IQ มีให้บริการทั้งในโรงพยาบาลของรัฐบาลและเอกชน ซึ่งแต่ละแห่งจะมีค่าใช้จ่ายมากน้อยแตกต่างกัน แต่สำหรับครอบครัวไหนอยู่ในกรุงเทพฯ หรือและปริมณฑลที่มีความประสงค์จะพาลูกวัยเรียนไปตรวจวัด IQ สามารถเดินทางไปที่ คลินิกเด็กและวัยรุ่น สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตศาลายา ที่นั่นมีบริการที่ค่อนข้างมีความสะดวก โดยเริ่มต้นจากดาวน์โหลดแบบฟอร์มบนเว็บไซต์ กรอกประวัติผู้เข้ารับการประเมิน แล้วส่งผ่านอีเมล จากนั้นภายใน 1 – 2 วัน จะมีคุณพยาบาลติดต่อนัดหมายวันเวลาในการทดสอบ IQ ซึ่งระยะเวลาในการรอคอยประมาณ 2 สัปดาห์
แบบทดสอบวัดไอคิวฟรี
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่อยากให้ลูกทำแบบทดสอบวัดไอคิวฟรี สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์นี้ได้เลยค่ะ คลิก
เกณฑ์ของระดับ IQ
การวัดความฉลาดทางปัญญา (IQ) ช่วยบอกให้ทราบถึงความสามารถเด่น หรือความบกพร่องในการกระทำบางสิ่งบางอย่าง บ่งบอกถึงลักษณะเฉพาะตัววิธีการคิดแก้ปัญหา การตัดสินใจ และวิธีการทำงานรวมทั้งบอกถึงความผิดปกติบางประการได้ โดยสามารถเริ่มวัดได้ตั้งแต่อายุ 2 – 70 ปี โดยมีเกณฑ์ชี้วัด ดังนี้
- 140 คะแนนขึ้นไป อัจฉริยะ ฉลาดมากที่สุด (Very Superior)
- 120 – 139 คะแนน ฉลาดมาก (Superior)
- 110 – 119 คะแนน ฉลาดกว่าระดับปกติ (Higher Average)
- 90 – 109 คะแนน ฉลาดปานกลาง หรือระดับปกติ (Average)
- 80 – 89 คะแนน ต่ำกว่าปกติ (Low Average)
- 70 – 79 คะแนน คาบเส้นปัญญาอ่อน (Borderline Mental Retardation)
- ต่ำกว่า 70 คะแนน ปัญญาอ่อน (Mental Retardation)
หากพ่อแม่พบว่าลูกมีความฉลาดที่ต่ำกว่าเกณฑ์ข้างต้น ควรพาลูกไปปรึกษาแพทย์ เพื่อหาแนวทางการรักษาต่อไป
ปัจจัยเกี่ยวกับ ความฉลาด (IQ) ของลูกรัก
เด็กแต่ละคนล้วนมีความฉลาดแตกต่างกัน โดยเฉพาะความฉลาดด้านสติปัญญา (IQ) ซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งที่ถูกกำหนดมาตั้งแต่กำเนิด โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น พันธุกรรมของพ่อแม่ การบำรุงครรภ์ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงก่อนคลอด การเลี้ยงลูกหลังคลอด การได้รับสารอาหารและโภชนาการระหว่างเจริญเติบโตในช่วง 3 ขวบปีแรก รวมไปถึงสภาพแวดล้อมการเลี้ยงดูก็เป็นส่วนสำคัญในการกำหนด IQ ของลูกได้ด้วย
เสริม IQ ให้ลูกรัก ตั้งแต่แรกเริ่ม ด้วยอาหารสมองที่มีคุณภาพ
หนึ่งในสารอาหารสำคัญสำหรับการพัฒนาสมองที่เรารู้จักกันดี นั่นคือ ดีเอชเอ (DHA) ซึ่งผลการศึกษาทางการแพทย์ ระบุไว้ว่า 40% ของกรดไขมันในสมอง และ 60% ของกรดไขมันในประสาทตา ก็คือ ดีเอชเอ (DHA) ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของปลายประสาท ซึ่งทำหน้าที่ถ่ายทอดสัญญาณและส่งผ่านข้อมูลระหว่างเซลล์สมองด้วยกัน จึงได้ชื่อว่าเป็นสารอาหารบำรุงสมองที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาสมองของเด็ก โดยเฉพาะในช่วง 3 ขวบปีแรกที่สมองมีการพัฒนาสูงสุด ซึ่งย่อมมีผลต่อความฉลาดและการเรียนรู้ของลูกไปตลอดชีวิต
ดีเอชเอ (DHA) เป็นกรดไขมันชนิดหนึ่งที่ร่างกายไม่สามารถผลิตขึ้นมาได้เอง พบมากในอาหารทะเลที่มีไขมันสูง เช่น แซลมอน ปลาเทราต์ หรือปลาแอนโชวี่ เนื้อสัตว์ อาหารที่ทำจากนม หรืออาหารเสริมจำพวกน้ำมันปลาที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 แต่ดีเอชเอทั่วไปอาจมีการปนเปื้อนของโลหะหนัก ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคุณแม่และทารกที่ทานนมแม่ หรือเด็กวัยที่สามารถทานอาหารเสริมดีเอชเอ ดังนั้น หากคุณแม่กำลังมองหาดีเอชเอที่ดีและปลอดภัยสำหรับลูก ควรเจาะจงเลือกดีเอชเอที่ปราศจากการปนเปื้อน จะดีกับลูกที่สุด
นอกจากนี้ ก็ยังมีอาหารสมองอื่น ๆ เมื่อหากเสริมร่วมกับ DHA ก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของพัฒนาการสมองมากยิ่งขึ้น ได้แก่ SunActive Fe ธาตุเหล็กที่มีเทคโนโลยีช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมของร่างกาย ช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพการทำงานของ 1st brain ทั้งระบบประสาท สมอง ความจำ และสติปัญญา ร่วมกับ โพรไบโอติกส์ จำนวน 5 ชนิด Lactobacillus casei, Lactobacillus rhamnosus, Bifidobacterium breve, Bacillus Coagulans, Lactobacillus gasseri ช่วยเสริมสร้างการทำงานของ 2nd brain หรือ ลำไส้ ช่วยผลิตสารสื่อประสาทส่งกลับไปยังสมองส่วนที่หนึ่ง เพื่อพัฒนาสมอง และ SunTheanine กรดอะมิโนจำเป็นจากธรรมชาติ เป็นต้น
เมื่อเด็กเกิดมาแล้วได้รับการเลี้ยงดูอย่างมีคุณภาพ อยู่ในภาวะแวดล้อมที่เหมาะกับการเจริญเติบโต ได้รับความรักและความอบอุ่นจากครอบครัว รวมทั้งได้รับสารอาหารบำรุงสมอง และโภชนาการอย่างสมวัย ก็เป็นการส่วนเสริมสำคัญทำให้เด็กได้มีพัฒนาการที่ดี และยังเป็นตัวช่วยส่งเสริมทำให้เด็กมีความฉลาดด้านสติปัญญาดี ไอคิวสูง และมีพัฒนาการด้านอื่น ๆ อย่างครบถ้วนอีกด้วย
บทความที่ควรอ่านต่อ
อยากให้ลูกฉลาด ต้องรู้จัก IQ และ EQ ตัวช่วยดี ๆ ที่จะทำให้ลูกรักเข้าใกล้ความสำเร็จมากยิ่งขึ้น
อยากให้ลูกฉลาด ไอคิวดี ต้องทำอย่างไร มีวิธีไหนช่วยให้ลูกเรียนเก่ง?
10 เทคนิค ทำยังไงให้ลูกเรียนเก่ง คำถามยอดฮิตของเหล่าคุณ