การฝึกให้ลูกนอนยาวตอนกลางคืน มีความสำคัญต่อพัฒนาการของลูกมาก ซึ่งการนอนหลับอย่างมีคุณภาพของเด็ก ๆ คือ การนอนตั้งแต่ 6 – 8 ชั่วโมงขึ้นไป การฝึกให้ลูกนอนยาว ๆ ควรเริ่มฝึกได้ตั้งแต่ลูกมีอายุ 4 – 6 เดือนขึ้นไป
ฝึกให้ลูกนอนยาวตอนกลางคืน ควรนอนกี่ชั่วโมง
เด็ก ๆ แต่ละช่วงวัย จะมีช่วงเวลาในการพักผ่อนต่อวันไม่เท่ากัน ดังนี้
- ทารกแรกเกิด – 6 สัปดาห์ ควรจะนอนให้ได้ประมาณ 14 – 17 ชั่วโมงต่อวัน โดยในช่วงวัยนี้จะยังไม่มีกำหนดระยะเวลาในการนอนตายตัว เพราะทารกจะนอนได้ทั้งวัน และตื่นขึ้นมาเพื่อกินนมสลับกับขับถ่ายตลอดทั้งวัน
- ทารกอายุ 2 เดือน ควรจะนอนให้ได้ประมาณ 14 – 17 ชั่วโมงต่อวัน แบ่งเป็นนอนตอนกลางวัน 7 – 9 ชั่วโมง นอนตอนกลางคืนอีก 8 – 9 ชั่วโมง
- ทารกอายุ 3 เดือน ควรจะนอนให้ได้ประมาณ 14 – 17 ชั่วโมงต่อวัน แบ่งเป็นนอนตอนกลางวัน 4 – 8 ชั่วโมง นอนตอนกลางคืนอีก 8 – 10 ชั่วโมง
เมื่อลูกอายุเข้าสู่เดือนที่ 4 จะเป็นช่วงที่เด็กควรเริ่มนอนยาวตอนกลางคืนได้แล้ว สามารถแบ่งเป็นช่วงเวลากลางวันและกลางคืน ได้ดังนี้
- ทารกอายุ 4 เดือน ควรจะนอนให้ได้ประมาณ 12 – 16 ชั่วโมงต่อวัน แบ่งตอนกลางวัน 3 – 6 ชั่วโมง ตอนกลางคืน 9 – 10 ชั่วโมง
- ทารกอายุ 5 – 6 เดือน ควรจะนอนให้ได้ประมาณ 12 – 16 ชั่วโมงต่อวัน แบ่งเป็นนอนตอนกลางวัน 3 – 4 ชั่วโมง นอนยาวตอนกลางคืนอีก 10 – 11 ชั่วโมง
- เด็กอายุ 7 – 8 เดือน ควรนอนให้ได้ประมาณ 12 – 16 ชั่วโมงต่อวัน แบ่งเป็นนอนตอนกลางวัน 3 – 4 ชั่วโมง นอนยาวช่วงกลางคืน 10 – 12 ชั่วโมง
- เด็กอายุ 9 เดือน ควรนอนให้ได้ประมาณ 12 – 16 ชั่วโมงต่อวัน แบ่งเป็นนอนตอนกลางวัน 3 – 4 ชั่วโมง และนอนตอนกลางคืน 10 – 12 ชั่วโมง
- เด็กอายุ 10 – 12 เดือน ควรนอนให้ได้ประมาณ 12 – 16 ชั่วโมงต่อวัน แบ่งเป็นนอนตอนกลางวัน 3 – 4 ชั่วโมง นอนตอนกลางคืน 10 – 12 ชั่วโมง
หลังจาก 1 ขวบขึ้นไป ให้คุณแม่ค่อย ๆ ลดชั่วโมงการนอนตอนกลางวันลงเรื่อย ๆ เมื่อเด็กชินกับการนอนยาวในตอนกลางคืนมากขึ้น ก็จะใช้เวลาพักผ่อนอยู่ที่ 8 – 10 ชั่วโมงต่อวัน และคุณแม่เองก็ควรฝึกให้ลูกเข้านอนไม่เกิน 3 – 4 ทุ่ม เพราะการปล่อยให้ลูกนอนดึก ไม่เพียงแต่จะทำให้ลูกนอนไม่พอ แต่ยังมีผลต่อการเจริญเติบโตของร่างกายและเซลล์สมองอีกด้วย
สาเหตุ ทารก ไม่ยอมนอนตอนกลางคืน
- ลูกนอนกลางวันมากเกินไป ทำให้ไม่ยอมนอนในเวลากลางคืน หรือนอนยาก
- บรรยากาศไม่เอื้อต่อการนอนหลับพักผ่อน เช่น มีเสียงดังรบกวน ห้องร้อนเกินไป
- คุณพ่อคุณแม่ชวนลูกเล่นสนุกก่อนนอนเกินพอดี
- ในช่วงระหว่างวัน ลูกไม่ได้ใช้พลังงาน เช่น ออกกำลังขา แขน คลาน หรือการเคลื่อนไหวที่เพียงพอ
- ลูกรู้สึกไม่สบายตัว
- รู้สึกหิว ทำให้ไม่ยอมนอน
ทารกง่วงแล้ว แต่ไม่ยอมนอน สาเหตุมาจากอะไร
การที่ลูกง่วงแต่ไม่ยอมนอนนั้น อาจเกิดจากภาวะที่เรียกว่า Overtired baby หรือ ภาวะทารกเหนื่อยเกินไป หรือง่วงมากเกินไปจนทำให้นอนยากหรือนอนไม่หลับ ซึ่งภาวะนี้ทำให้ลูกเกิดความเครียด ร้องไห้งอแง หรือหลังจากหลับไปได้ไม่ทันไรก็ตื่นขึ้นมาร้องไห้อีก สาเหตุที่ทำให้ทารกรู้สึกเหนื่อยมาก มาจากการนอนพักผ่อนระหว่างวันไม่เพียงพอ มีระยะเวลาตื่นยาวนานกว่าปกติ หรืออยู่ในช่วงง่วงจัดเป็นเวลานานนั่นเอง ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกเกิดภาวะนี้ ควรดูแลให้ลูกนอนหลับตามเวลาที่แนะนำไปในข้างต้น
วิธีฝึกลูกนอนยาวตอนกลางคืน สำหรับคุณแม่
การฝึกให้ลูกนอนยาว ๆ ในเวลากลางคืนนั้น เริ่มต้นจากการทำให้ลูกนอนหลับตามเวลาเดิมทุกวัน เมื่อเด็ก ๆ เริ่มคุ้นชิน ก็จะแยกแยะช่วงกลางวันกลางคืนได้ดีขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีแนวทางฝึกให้ลูกนอนตอนกลางคืนได้ดีขึ้น ลดปัญหานอนยาก และตื่นมากลางดึก ดังนี้
- งดเล่นสนุกก่อนถึงเวลานอน 1 – 2 ชั่วโมง
- สร้างบรรยากาศที่เหมาะกับการนอนหลับ มีแสงสว่างเพียงเล็กน้อย และไม่มีเสียงรบกวน
- เล่านิทานก่อนนอน จะช่วยให้ลูกนอนหลับง่ายขึ้น
- สวมใส่เสื้อผ้าที่ใส่สบาย ไม่หนาไป ไม่บางเกินไป และไม่ควรรัดแน่นจนเกินไป
- ปรับอุณหภูมิในห้องให้พอเหมาะ
- รับประทานอาหารที่มีสารอาหารช่วยในการนอนหลับได้ดี เช่น กรดอะมิโนจากธรรมชาติ
อาหารเสริมช่วยในการนอนหลับสำหรับเด็ก
สารอาหารที่ควรมีอยู่ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสมองและเพิ่มคุณภาพการนอนหลับสำหรับเด็ก มีดังนี้
- กรดอะมิโนจากธรรมชาติ (SunTheanine) สกัดจากใบชา มีความสามารถในการช่วยเพิ่มสารซีโรโทนิน โดปามีน และกาบา เสริมสร้างสมาธิในการเรียนรู้และจดจำ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่เด็ก ๆ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ให้ดียิ่งขึ้น และสำคัญที่สุด กรดอะมิโนตัวนี้ยังทำงานเกี่ยวข้องกับระบบประสาท และกลไกการทำงานของสมอง มีสรรพคุณช่วยให้ผ่อนคลาย ลดอาการนอนไม่หลับได้ดี ช่วยให้ลูกนอนหลับสบาย นอนหลับลึก ไม่ตื่นกลางดึก
- ดีเอชเอ (DHA) กรดไขมันจำเป็นในตระกูลโอเมก้า 3 ช่วยเสริมสร้างเซลล์ประสาท สมอง และจอประสาทตา และแนะนำให้คุณแม่ดูให้ดีว่าควรเป็น “ดีเอชเอชนิดปราศจากโลหะหนัก” เพราะจะมีความปลอดภัย และช่วยให้ลูกมีพัฒนาการสมองได้เต็มประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในช่วงเวลานอนที่สมองส่วนความจำจะทำงานเต็มที่
- ธาตุเหล็ก Fe (SunActive Fe) ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบประสาทและสมองให้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้ลูกมีความจำดี และมีพัฒนาการสมองสมวัย
- โพรไบโอติกส์ (Probiotics) หรือ Brain Biotics ทั้ง 5 ชนิด คือ Lactobacillus casei, Lactobacillus rhamnosus, Bifidobacterium breve, Lactobacillus gasseri และ Bacillus Coagulans สายพันธุ์เฉพาะที่ช่วยส่งเสริมการทำงานของสมองส่วนที่สอง (2nd brain) ซึ่งอยู่บริเวณลำไส้ ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถผลิตสารสื่อประสาทส่งกลับขึ้นไปยังสมอง ทำให้เด็ก ๆ มีพัฒนาการสมองดี มีความจำดี เรียนรู้ ได้อย่างเต็มศักยภาพ
นอกจากนี้ หากผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับเด็กนี้ เป็นผลิตภัณฑ์ที่คิดค้นขึ้นมาเพื่อเด็กเอเชียโดยเฉพาะ ก็จะเพิ่มความมั่นใจได้ว่า สารอาหารและแร่ธาตุต่าง ๆ มีปริมาณที่เหมาะสมสำหรับลูกรักในช่วงวัยนั้น ๆ มากที่สุด
บทความที่ควรอ่านต่อ
10 เทคนิค ทำยังไงให้ลูกเรียนเก่ง คำถามยอดฮิตของเหล่าคุณ
อยากให้ลูกมีความจำดี พัฒนาการสมองไว พ่อแม่ควรทำอย่างไร
ที่มา : https://www.care.co.th/content/blogs/4-ways-children-sleep-easily
แหล่งข้อมูล
-
Nutri Plus 41 | 42 (14 ซอง)
1,100 บาท เพิ่มลงในตระกร้า -
Muti-IMMU 24 Plus (14 ซอง)
1,350 บาท เพิ่มลงในตระกร้า -
Nutri Plus 41 | 42 (7 ซอง)
550 บาท เพิ่มลงในตระกร้า -
DHA Probio 9 Plus (14 ซอง)
1,350 บาท เพิ่มลงในตระกร้า -
Cal-D-KII 6 Plus (14 ซอง)
1,450 บาท เพิ่มลงในตระกร้า -
Muti-IMMU 24 (14 ซอง)
1,200 บาท เพิ่มลงในตระกร้า -
DHA Probio 9 (14 ซอง)
1,200 บาท เพิ่มลงในตระกร้า
ติดตามและรับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ โปรโมชันและความรู้ดี ๆ ก่อนใครได้ที่นี่
ติดตาม Promom