ความคิดสร้างสรรค์ คือ กระบวนการและทักษะของการนำจิตนาการอันกว้างไกลมาพลิกแพลง ผสมผสาน และปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ลูกรักเป็นเด็กที่มีความคิดสร้างสรรค์ และนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างมีศักยภาพ คุณแม่จำเป็นต้องทุ่มเทดูแลและปูพื้นฐานให้ลูกรักตั้งแต่ช่วงแรกของชีวิต
ความคิดสร้างสรรค์ คืออะไร
ความคิดสร้างสรรค์ คือ การใช้จินตนาการ เพื่อนำมาใช้ในการผลิตงานศิลปะด้านต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบัน ความคิดสร้างสรรค์ ยังเป็นทักษะที่สำคัญต่อการทำงานและการใช้ชีวิตในยุคดิจิทัลเป็นอย่างมาก โดยนักจิตวิทยา ได้ค้นพบว่า คุณสมบัติของผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์สูง จะประกอบด้วย ความฉลาด ความเอาใจใส่ใฝ่รู้ ตอบสนองต่อความคิดอย่างคล่องแคล่ว ปรับเปลี่้ยนพลิกแพลงความคิดต่าง ๆ ได้ง่าย และมีความคิดริเริ่มเป็นเลิศ
โดยคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ต่อการทำงานหรือการใช้ชีวิตไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นผู้ที่มีความอัจฉริยะ หรือจะต้องทำงานด้านศิลปะแค่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะไม่ว่าจะประกอบอาชีพใดก็สามารถที่จะมีความคิดสร้างสรรค์ดี ๆ ออกมาได้เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ยังเป็นเด็กก็จะมีความคิดสร้างสรรค์ที่เปี่ยมล้น หากได้รับการสนับสนุนหรือโอกาสอย่างเต็มที่ ก็จะทำให้มีอิสระต่อความคิดและการลงมือทำ ได้สนุกกับการทดลองเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ รอบตัวในทุกวัน ซึ่งความกล้าเหล่านี้จะช่วยพัฒนาศักยภาพที่ดีต่อการเรียนรู้ได้อย่างรอบด้าน
เทคนิคเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ให้กับลูก
การปูพื้นฐานให้เด็ก ๆ มีทักษะความคิดสร้างสรรค์ที่ดี ต้องเริ่มตั้งแต่ช่วงแรกของชีวิต ซึ่งผู้ปกครองสามารถนำ เทคนิคเสริมสร้างจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ ไปใช้กับลูกได้ ดังนี้
- ใช้ของเล่นเสริมจินตนาการ การเลือกของเล่นให้เหมาะกับช่วงวัยและสอดคล้องกับพัฒนาการลูก ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยพัฒนาสติปัญญาของลูกได้เป็นอย่างดี โดยเลือกของเล่นที่สามารถต่อยอดความคิด ฝึกสมาธิ เสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ และจินตนาการ รวมทั้งยังช่วยพัฒนาระบบประสาทสัมผัสจากการเล่น ที่สำคัญควรปล่อยให้ลูกเล่นอย่างอิสระโดยที่ไม่จำเป็นต้องเล่นตามคำแนะนำเสมอไปก็ได้
- สร้างบรรยากาศให้ลูกสบายใจ การที่ผู้ปกครองไม่จำกัดกรอบหรือข้อบังคับที่มากจนเกินไปจะทำให้ลูกอารมณ์ดี รู้สึกผ่อนคลาย และมีความอิสระ ด้วยความรู้สึกสบายใจเหล่านี้จะยิ่งช่วยกระตุ้นทำให้ลูกเกิดความคิดสร้างสรรค์ได้เป็นอย่างมาก
- ฝึกลูกให้แก้ปัญหาด้วยตัวเอง พ่อและแม่ควรฝึกให้ลูกสามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ด้วยตัวเองจนสุดความสามารถ โดยคอยให้กำลังใจและให้คำปรึกษาอยู่ห่าง ๆ เพื่อเป็นการฝึกกระบวนความคิดเป็นขั้นตอนและพลิกแพลงเพื่อแก้ปัญหาให้สำเร็จ
- เล่นบทบาทสมมติ ปล่อยให้ลูกได้สนุกกับการเล่นเป็นตัวละครหรือตัวการ์ตูนที่ลูกชื่นชอบ ทั้งการโต้ตอบด้วยบทสนทนาหรือการแต่งตัวเลียนแบบ สิ่งเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ของลูกได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงยังทำให้ลูกได้สนุกและเพลิดเพลินกับสิ่งที่ทำได้อย่างเต็มที่
- หมั่นตั้งคำถามปลายเปิดกับลูก การตั้งคำถามปลายเปิดกับลูกจะช่วยกระตุ้นให้ลูกสามารถบอกความรู้สึกและกล้าแสดงออก เช่น วันนี้เราจะไปเที่ยวที่ไหน หรือเมฆก้อนนั้นเหมือนรูปอะไร และที่สำคัญผู้ปกครองควรหลีกเลี่ยงคำพูดที่ขัดต่อจินตนาการของลูก เพราะจะถือว่าเป็นการปิดกั้นทางความคิดและทำให้เด็กไม่กล้าแสดงความคิดเห็นได้
- พาลูกออกไปเที่ยว การที่ผู้ปกครองพาลูกออกไปเที่ยวหรือไปเปิดหูเปิดตาข้างนอกบ้าน จะช่วยเพิ่มทักษะในการเรียนรู้ของลูกได้ดี เพราะจะทำให้ลูกได้สามารถเห็นสิ่งแปลกใหม่ที่ไม่คุ้นตา และเกิดการเรียนรู้ จดจำสิ่งใหม่ ๆ ที่สามารถต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ของลูกได้ดี
- ไม่ปิดกั้นจินตนาการของลูก พ่อและแม่ควรส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการของลูกอย่างเต็มที่และมีความพอดี และเมื่อไหร่ที่ลูกกระทำบางอย่างแล้วถือว่าเป็นผลดีก็ควรที่จะมีรางวัลเป็นสิ่งตอบแทนบ้างในบางครั้ง ข้อสำคัญไม่ควรกดดันหรือตั้งกฎเกณฑ์กับลูกมาก เช่น การบังคับให้ลูกเรียนมากเกินไปจะทำให้ลูกรู้สึกไม่เป็นอิสระและใช้ความคิดสร้างสรรค์น้อยลง
นอกจากนี้ การมองหาตัวช่วยสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมให้ลูกมีความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการเป็นเลิศ และมีความพร้อมต่อการเรียนรู้ เป็นอีกทางเลือกที่ผู้ปกครองทุกคนควรใส่ใจ นั่นก็คือการเลือกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารให้กับลูกรัก ควบคู่ไปกับการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ การนอนหลับพักผ่อน และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากบางครั้งพฤติกรรมเลือกทาน นอนยาก และไม่ชอบออกกำลังกายของเด็ก ๆ ก็ทำให้คุณแม่ดูแลสุขภาพลูกได้ไม่ครบถ้วนตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ ดังนั้นการมีอีกหนึ่งตัวช่วยที่ดีที่จะเข้ามาเป็นอีกหนึ่งกำลังเสริมให้กับลูกน้อยมีความคิดสร้างสรรค์และพัฒนาการที่สมวัย ก็เป็นทางเลือกที่คุณแม่ยุคใหม่ให้ความใส่ใจมากขึ้น
เนื่องจากผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในทุกวันนี้ได้มีการคิดค้นและพัฒนาขึ้นมาในรูปแบบที่มีสารอาหารเพียงพอต่อความต้องการของสมองและร่างกายของเด็ก ๆ แต่ละช่วงวัย มีรสชาติอร่อย สามารถรับประทานได้ง่าย ให้ความรู้สึกเหมือนทานเจลลี่ ที่สำคัญคือมีการคิดค้นขึ้นมาเพื่อเด็กเอเชียโดยเฉพาะ และมีนวัตกรรมที่ช่วยเสริมสร้างการทำงานของสมองส่วนที่ 2 ได้แก่ ลำไส้ ซึ่งทำหน้าที่ผลิตสารสื่อประสาทส่งกลับขึ้นไปยังสมองส่วนบนได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญในการเสริมศักยภาพให้ลูกมีความคิดสร้างสรรค์ และมีพัฒนาการการเรียนรู้ที่โดดเด่นสมวัย
บทความที่ควรอ่านต่อ
อยากให้ลูกฉลาด ไอคิวดี ต้องทำอย่างไร มีวิธีไหนช่วยให้ลูกเรียนเก่ง?
อยากให้ลูกมีความจำดี พัฒนาการสมองไว พ่อแม่ควรทำอย่างไร