ของเล่นเสริมพัฒนาการเด็ก นับว่ามีบทบาทสำคัญต่อการส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ของเด็กทุกเพศทุกวัยได้อย่างมาก โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่มีกระบวนการทางความคิดไม่ซับซ้อน และมีการเคลื่อนไหวร่างกายที่ยังไม่คล่องแคล่วว่องไวเท่าไร เนื่องจากกล้ามเนื้อแต่ละส่วนยังอยู่ในช่วงกำลังพัฒนา
ดังนั้น การเลือกของเล่นให้ลูก จึงจำเป็นต้องสอดคล้องกับพัฒนาการแต่ละช่วงวัย เพื่อให้ของเล่นชิ้นนั้น ๆ ช่วยส่งเสริมการพัฒนาและทักษะในด้านต่าง ๆ เช่น การเรียนรู้ ความคิด อารมณ์ ประสาทสัมผัส นอกจากนี้ ของเล่นของลูกยังเป็นสื่อกลางที่เชื่อมความสัมพันธ์กับคุณพ่อคุณแม่และผู้คนรอบข้างได้เป็นอย่างดี
วันนี้อยากชวนคุณแม่มาดูกันว่า ของเล่นเสริมพัฒนาการเด็ก มีอะไรบ้าง ลูก ๆ แต่ละวัยเหมาะกับของเล่นชนิดไหน และของเล่นแต่ละชิ้นช่วยเสริมพัฒนาการและทักษะต่าง ๆ ได้อย่างไรบ้าง
เทคนิคเลือกของเล่นให้เหมาะกับพัฒนาการลูกแต่ละช่วงวัย
การเลือกของเล่นให้เหมาะสมในแต่ละช่วงวัยของลูกถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะถ้าหากผู้ปกครองเลือกของเล่นที่ง่ายเกินไปก็จะทำให้เด็กรู้สึกเบื่อ หรือถ้าเลือกของเล่นที่ยากเกินไปก็จะทำให้เด็กเกิดความรู้สึกท้อเกินกว่าที่จะเล่นของเล่นต่อ การเลือกของเล่นให้เหมาะสมกับพัฒนาการเด็ก จะทำให้ลูกมีการพัฒนาการและ การเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยเทคนิคการเลือกของเล่นให้เหมาะกับช่วงวัยของลูกมี ดังนี้
ของเล่นสำหรับเด็ก วัย 0 – 6 เดือน
- กระตุ้นการมองเห็น เพราะเด็กในช่วงวัยนี้จะชอบมองสิ่งของที่มีสีสันและเคลื่อนไหวช้า เช่น ตุ๊กตาสีสดใสที่มีวัสดุเบาและพริ้วตามลม
- กระตุ้นการใช้มือและปาก เด็กช่วงวัยนี้มักใช้มือและปากสำรวจสิ่งของรอบตัว เช่น ตุ๊กตาผ้านิ่ม ลูกบอลยางสีสันสดใส หรือของเล่นเด็กที่มีวัสดุสะอาดและปลอดภัยต่อเด็กเล็ก
- กระตุ้นการฟังเสียง เช่น ของเล่นที่มีเสียงดนตรี
ของเล่นสำหรับเด็ก วัย 7 – 12 เดือน
- กระตุ้นการสัมผัส เช่น ลูกบอลที่มีลักษณะพื้นผิวเป็นปุ่ม
- กระตุ้นการใช้กล้ามเนื้อและการเคลื่อนไหว เช่น ของเล่นบล็อกไม้ ตัวต่อเลโก้ หรือรถลากจูง
- ส่งเสริมสติปัญญา เช่น หนังสือภาพการ์ตูนที่มีสีสันสดใส หนังสือภาพสัตว์ที่เป็นกระดาษแข็ง หรือหนังสือป๊อบอัพ
ของเล่นสำหรับเด็ก วัย 1 – 2 ปี
- ส่งเสริมการใช้กล้ามเนื้อและการทรงตัว เช่น รถลากจูง ของเล่นไขลาน ของเล่นไม้รูปทรงต่าง ๆ ของเล่นที่สามารถบีบหรือจับเพื่อเปลี่ยนรูปทรงได้
- ส่งเสริมพัฒนาการด้านสติปัญญาและระบบประสาท เช่น กล่องหยอดรูปทรงเรขาคณิต
- ส่งเสริมพัฒนาการทางภาษา เช่น หนังสือนิทาน สมุดรูปสัตว์ หนังสือฝึกภาษา
ของเล่นสำหรับเด็ก วัย 2 – 3 ปี
- ส่งเสริมการใช้กล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเพื่อให้เกิดการสัมพันธ์กัน เช่น จักรยานสามล้อ เพื่อให้เด็กฝึกใช้กล้ามเนื้อขาในการทรงตัว
- ส่งเสริมพัฒนาการทางภาษา เช่น หนังสือนิทานที่มีรูปภาพและเนื้อเรื่องที่น่าสนใจ ผู้ปกครองควรอ่านด้วยน้ำเสียงที่สนุกสนานจะส่งผลดีต่อพัฒนาการทางด้านการสื่อสารและอารมณ์ของลูก
- ส่งเสริมพัฒนาการสติปัญญา เช่น บล็อกไม้ จิ๊กซอว์ ที่มีรูปทรงหลากหลาย
- ส่งเสริมจินตนาการและการแก้ปัญหา เช่น เล่นบทบาทสมมติและถามคำถามปลายเปิดเพื่อให้ลูกได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ไปพร้อมกับฝึกทักษะการสื่อสาร
ของเล่นสำหรับเด็กวัย 4 – 6 ปี
- ส่งเสริมการใช้กล้ามเนื้อ เช่น จักรยานสองล้อ เพื่อให้เด็กได้ฝึกการทรงตัวและการใช้กล้ามเนื้อในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
- ส่งเสริมจินตนาการและการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน เช่น เล่นบทบาทสมมติเป็นเรื่องราวมากขึ้น เช่น เปิดร้านขายของ เพื่อให้เด็กได้มีการวางแผนและนำทักษะเหล่านี้มาใช้ในชีวิตจริงได้
ทำความรู้จัก ของเล่นเสริม พัฒนาการเด็ก
เมื่อคุณแม่ทราบแล้วว่า เด็กช่วงวัยไหนเหมาะกับของเล่นเสริมพัฒนาการชนิดใด ในส่วนนี้จึกอยากชวนคุณแม่มาทำความรู้จัก ของเล่นเสริมพัฒนาการลูกบางชนิด ที่สามารถหาซื้อได้ง่าย และสามารถเล่นด้วยกันได้ทั้งครอบครัว ดังนี้
-
ตัวต่อ บล็อกไม้
สำหรับตัวต่อ หรือบล็อกไม้ นับว่าเป็นของเล่นที่ผู้ปกครองคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ซึ่งตัวต่อนี้มีส่วนช่วยในเรื่องของการเสริมสร้างพัฒนาการกล้ามเนื้อมัดเล็ก จากการใช้นิ้วมือ มือ การทำงานประสานกันของสายตาและกล้ามเนื้อมัดเล็ก ตัวต่อแต่ละชิ้นยังมีผิวสัมผัสที่จะช่วยให้ลูกเรียนรู้ความแตกต่างของวัตถุแต่ละชิ้น ซึ่งสามารถนำมาเรียงต่อกันเป็นรูปทรงต่าง ๆ เช่น บ้าน คน สัตว์ หรือสิ่งของ ช่วยกระตุ้นให้เด็ก ๆ เกิดกระบวนการทางความคิดและจินตนาการได้เป็นอย่างดี รวมทั้งยังช่วยฝึกสมาธิในระหว่างการทำกิจกรรมนั้น จึงถือว่าเป็นของเล่นเสริมพัฒนาการที่คุณแม่ควรมีติดบ้านและเหมาะกับเด็กทุกเพศทุกวัย
-
ดินน้ำมัน แป้งโดว์
ดินน้ำมัน หรืแป้งโดว์ ก็เป็นอีกของเล่นอีกหนึ่งชิ้นที่ช่วยฝึกทักษะของเด็กได้เป็นอย่างดี เนื่องจากผิวสัมผัสของดินน้ำมันมีความนุ่มและยืดหยุ่น สามารถนำมาปั้นเป็นรูปทรงต่าง ๆ ได้ จึงทำให้เด็กได้ฝึกทักษะประสาทสัมผัสจากการปั้นดินน้ำมัน ฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมือ การควบคุมนิ้วมือ รวมทั้งยังทำให้ฝึกการคิดวิเคราะห์และช่วยเพิ่มสมาธิจากกิจกรรมที่กำลังทำอยู่ตรงหน้าด้วยความตั้งใจ
-
จิ๊กซอว์
เป็นของเล่นที่ช่วยฝึกสมองได้เป็นอย่างดี เนื่องจากช่วยเสริมสร้างความคิด การวิเคราะห์ และการวางแผนได้ดีมาก ในระหว่างการต่อจิ๊กซอว์แต่ละชิ้น เด็ก ๆ ต้องใช้ทักษะในการสังเกต และเปรียบเทียบภาพต้นฉบับกับชิ้นส่วนจำนวนมาก ซึ่งนอกจากจะต้องใช้ทักษะร่วมกันหลาย ๆ ด้านแล้ว เด็ก ๆ จำเป็นต้องมีสมาธิจดจ่ออยู่กับกิจกรรมมากเป็นพิเศษอีกด้วย
-
ของเล่นไม้
ของเล่นไม้ เป็นของเล่นที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการและทักษะหลายด้าน เช่น ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมัดเล็ก กระบวนการทางความคิด การใช้สมาธิ ความสัมพันธ์ของสายตาและกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ เป็นต้น นอกจากนี้ ของเล่นไม้ยังเป็นวัสดุที่มีความปลอดภัย มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ และมีความทนทาน เช่น ตัวต่อรูปทรงต่าง ๆ ชุดรางรถไฟ ครัวจำลอง หมู่บ้านจิ๋ว และชุดตกปลา เป็นต้น
-
นิทานภาพ
หนังสือนิทานที่เล่าเรื่องด้วยภาพการ์ตูนน่ารัก ๆ จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการและจินตนาการของเด็ก ๆ ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากภายในหนังสือมีเนื้อหาที่เล่าเรื่องด้วยภาพการ์ตูน คน สัตว์ ต้นไม้ หรือวัตถุต่าง ๆ ที่ช่วยให้เด็กสามารถจดจำและรู้จักสิ่งเหล่านั้นโดยที่ไม่ต้องเห็นของจริง ทั้งยังช่วยเสริมสร้างทักษะการใช้ภาษาจากการเล่าเรื่อง การฟัง และเรียนรู้คำศัพท์ต่าง ๆ ในระหว่าง การอ่านนิทานได้อีกด้วย
-
เครื่องดนตรี
ของเล่นที่เป็นเครื่องดนตรี หรือมีเสียงดนตรี เป็นการฝึกทักษะการฟังที่ดี ซึ่งจะช่วยพัฒนาระบบประสาทการฟังให้สามารถแยกเสียงสูง เสียงต่ำ หรือเสียงกลางได้ดีมากขึ้น ซึ่งของเล่นที่มีเสียงดนตรีนั้นมีหลากหลายแบบ ทั้งเครื่องเล่นแบบตี แบบเคาะ เครื่องดนตรีที่แยกเสียงตามตัวโน๊ต หรือเครื่องดนตรีขนาดเล็ก ที่พร้อมให้ลูกสนุกและเพลิดเพลินกับการเรียนรู้ได้เต็มที่
เลือกของเล่นให้ลูกอย่างไรดี
สิ่งสำคัญข้อแรก ๆ ในการเลือกของเล่นให้ลูก คือ ต้องเป็นของเล่นที่มีความปลอดภัย มีประโยชน์ต่อการเรียนรู้ ช่วยเสริมสร้างทักษะรอบด้าน มีความเหมาะสมกับช่วงอายุและพัฒนาการเด็ก เพราะในบางครั้งของเล่นที่เล่นง่ายเกินไป จะทำให้เด็กรู้สึกเบื่อหน่าย ไม่สนุก หรือหากเป็นของเล่นที่ยากเกินไป ก็อาจจะทำให้เด็กรู้สึกท้อถอย และไม่อยากเล่นอีกต่อไป โดยสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้ลูกรู้สึกสนุกกับการเล่นของเล่นมากยิ่งขึ้น คือ การที่คุณพ่อคุณแม่ร่วมเล่นไปพร้อมกับลูก นอกจากจะช่วยให้ลูกข้ามผ่านอุปสรรคที่เกิดระหว่างการเล่นได้แล้ว ยังช่วยเพิ่มความผูกพันธ์ภายในครอบครัวได้เป็นอย่างดี
ในระหว่างที่ลูกกำลังเรียนรู้ผ่านการเล่น คุณแม่ยังสามารถช่วยเสริมอาหารสมองด้วยการดูแลโภชนาการให้ครบ 5 หมู่ ควบคู่ไปกับการเสริมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีสารอาหารสมอง อย่าง DHA ซึ่งในปัจจุบันนี้ได้มีการผลิตออกมาในรูปแบบที่เด็ก ๆ สามารถรับประทานง่าย รสชาติอร่อย ผ่านการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมีกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานสากล โดยคุณแม่ควรมองหาผลิตภัณฑ์ที่คิดค้นและพัฒนามาเพื่อเด็กเอเชียโดยเฉพาะ เพื่อให้มั่นใจว่าเด็ก ๆ จะได้รับสารอาหารที่จำเป็นในปริมาณที่เหมาะสม ช่วยทำให้ลูกน้อยนอนหลับได้อย่างมีคุณภาพ และพร้อมเรียนรู้ในวันใหม่ได้อย่างเต็มศักยภาพ