การเสริมภูมิคุ้มกันเด็ก ที่พ่อแม่ทุกคนต้องรู้ เพื่อการเรียนรู้อย่างเต็มศักยภาพในอนาคต

ระบบเสริมภูมิคุ้มกันเด็ก คือ กลไกภายในร่างกายที่ทำหน้าที่ป้องกันและต่อต้านสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ไม่ให้เข้ามาทำอันตรายระบบต่าง ๆ ในร่างกายของลูก ซึ่งปกติแล้วร่างกายจะมีระบบภูมิคุ้มกันคอยทำหน้าที่ต่อต้านและกำจัดเชื้อโรคเหล่านั้นออกไป แต่ถ้าลูกมีภูมิคุ้มกันต่ำ ก็อาจเจ็บป่วยง่าย ป่วยบ่อย ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ดังนั้น เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่คลายกังวล เรามีแนวทางการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้ลูกรักมาฝากค่ะ

คุณพ่อคุณแม่ทุกคนล้วนอยากให้ลูกมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ก้าวแรกจึงต้องเริ่มจากการเสริมสร้าง ระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงเสียก่อน เพราะการมีภูมิคุ้มกันดีไม่ได้ส่งผลดีต่อสุขภาพเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการใช้ชีวิตประจำวันของลูก เมื่อร่างกายแข็งแรง ก็จะไม่เป็นอุปสรรคต่อพัฒนาการและการเรียนรู้ในอนาคต

ภูมิคุ้มกัน คืออะไร ทำไมระบบภูมิคุ้มกันจึงสำคัญต่อสุขภาพของลูกมากที่สุด

ระบบภูมิคุ้มกัน คือ กลไกภายในร่างกาย ที่ทำหน้าที่ป้องกันและต่อต้านอันตรายจากสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ เพื่อไม่ให้เข้าสู่ร่างกายของลูก ซึ่งปกติแล้วเมื่อเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายผ่านการหายใจ การสัมผัส รวมไปถึงการรับประทานอาหาร ร่างกายจะมีระบบภูมิคุ้มกันคอยทำหน้าที่กำจัดเชื้อโรคเหล่านั้นออกไป แต่ถ้าลูกมี ภูมิคุ้มกันต่ำ หรือระบบภูมิคุ้มกันทำงานไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ก็อาจส่งผลให้มีอาการเจ็บป่วย หากเด็ก ๆ ในวัยเรียนรู้ป่วยบ่อย ก็ถือเป็นปัจจัยหลักที่จะขัดขวางพัฒนาการเลยก็ว่าได้

ยกตัวอย่างเช่น เด็กชายเอมีระบบภูมิคุ้มกันดี เขาก็จะไม่ค่อยป่วย หากป่วยก็จะมีอาการไม่กี่วันแล้วหายเป็นปกติ สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามวัย ไปโรงเรียนได้ทุกวัน เรียนทันเพื่อน ๆ ในขณะที่เด็กชายบีที่มีปัญหาเรื่องระบบภูมิคุ้มกัน เจ็บป่วยเป็นประจำ ทำให้ในหนึ่งสัปดาห์ต้องไปโรงพยาบาลอย่างน้อย 1 – 2 วัน แทนที่จะได้ออกไปทำกิจกรรม ไปโรงเรียน ไปเรียนรู้โลกกว้าง ดังนั้น การสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูก ตั้งแต่แรกเกิด ถือเป็นเรื่องสำคัญที่พ่อแม่ต้องใส่ใจ

ทำไงให้ภูมิคุ้มกันเพิ่ม อยากเสริมภูมิคุ้มกันเด็กให้ลูกแข็งแรง ต้องทำอย่างไร

การเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มให้ลูก เริ่มต้นได้ตั้งแต่ในระหว่างตั้งครรภ์ คุณแม่ต้องดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี เลี่ยงการรับประทานอาหารซ้ำ ๆ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ ที่สำคัญคุณแม่ต้องรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และเสริมด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ และดูแลระบบภูมิคุ้มของลูกอย่างต่อเนื่องภายหลังคลอด เพราะทารกในวัยต่ำกว่า 1 ปี ยังมีระบบภูมิคุ้มกันที่ทำงานได้ไม่เต็มที่ ทำให้เด็กเล็กเจ็บป่วยง่าย และป่วยบ่อยกว่าเด็กโตที่ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้เต็มที่แล้วนั่นเอง

ดังนั้น หากคุณแม่ต้องการสร้างเกราะภูมิคุ้มกันให้ลูก สามารถทำได้ดังนี้

• เลือกคลอดธรรมชาติ ทำให้ทารกได้รับโพรไบโอติกส์หรือจุลินทรีย์ชนิดดีจากช่องคลอดของคุณแม่ ซึ่งถือเป็นกระบวนการธรรมชาติที่ทำให้ลูกน้อยได้รับภูมิคุ้มกันตั้งต้นให้กับร่างกาย
• เสริมภูมิคุ้มกันเด็กได้ด้วยนมแม่ เพราะนมแม่เป็นวัคซีนและโภชนาการที่ดีที่สุดสำหรับลูกรัก ในนมแม่ทุกหยดล้วนอุดมไปด้วยสารอาหารมากกว่า 200 ชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตทุกด้าน รวมทั้งยังมี HMOs ซึ่งเป็นพรีไบโอติกที่พบได้ในนมแม่ มีคุณสมบัติช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของลูกน้อย
• ดูแลให้ลูกรักได้รับโภชนาการตามวัยในปริมาณที่เหมาะสม
• นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ เพื่อให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกาย รวมถึงระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้เป็นปกติ
• พาลูกไปรับวัคซีนหลัก วัคซีนเสริม ตามช่วงอายุที่คุณแพทย์แนะนำ
• ออกกำลังกายเป็นประจำ หรือทำกิจกรรมเพื่อผ่อนคลายความเครียด

นอกจากนี้ เมื่อลูกอยู่ในวัยเรียนรู้ การเล่นและสำรวจโลกกว้างเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการรอบด้าน เมื่อลูกรักไปโรงเรียน ไปเล่นที่สนามเด็กเล่น หรือเดินเล่นในพื้นที่สาธารณะ คุณแม่ควรสอนให้ลูกรักษาความสะอาด ล้างมือบ่อย ๆ เพื่อลดโอกาสนำเชื้อไวรัสและแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกาย และเพื่อความอุ่นใจ คุณแม่สามารถเลือกเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีไว้เป็นเกราะป้องกันร่างกายของลูกให้ครบทุกกลไก ได้ด้วยการเสริมโภชนาการที่เหมาะสมควบคู่ไปกับผลิตภัณฑ์อาหารเสริมภูมิคุ้มกันสำหรับเด็ก

วิตามินเสริมภูมิคุ้มกันเด็กให้ลูกมีอะไรบ้าง กินอะไรสร้างภูมิคุ้มกัน

การเลือกอาหารเสริมภูมิคุ้มกันสำหรับเด็ก ควรพิจารณาจากสารอาหารและส่วนประกอบต่าง ๆ โดยสารอาหารที่จำเป็นต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน มีดังนี้

• โพรไบโอติกส์ (Probiotics) ปกติแล้วโพรไบโอติกส์จะมีหลายชนิด แต่แนะนำว่าควรเป็น 5 ชนิดนี้ คือ Bacillus coagulans, Bifidobacterium infantis, Bifidobacterium lactis, Lactobacillus plantarum และ Lactobacillus acidophilus เพราะมีความโดดเด่นในการเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ไม่ป่วยง่าย และสามารถปรับตัวในสภาพแวดล้อมหรืออากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย
• HMOs สารอาหารที่พบในนมแม่ ทำหน้าที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันเด็กได้อย่างดี
• เอลเดอร์เบอร์รี (Elderberry) เบอร์รีผลเล็กที่อัดแน่นไปด้วยสารอาหารหลากหลาย มากด้วยคุณประโยชน์ต่อร่างกาย ได้แก่ กรดอะมิโนรูติน เคอเซติน วิตามินเอ วิตามินบี และวิตามินซี นอกจากนี้ ยังมีสารในกลุ่ม “ฟลาโวนอยด์” ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระด้วย ทั้งนี้ในวงการแพทย์ ยังสกัดสารต่าง ๆ ที่อยู่ในผลเบอร์รีชนิดนี้มาใช้เป็นยาต้าน หรือยับยั้งเชื้อไวรัสต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าวิตามินซีทั่วไป จึงมีประโยชน์สำหรับเด็ก ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันไม่ให้ป่วยง่าย
• เบต้ากลูแคน Beta-glucan (Wellmune) สามารถยึดจับเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันได้ดี ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
• แร่ธาตุ และวิตามินที่ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน เช่น ซิงค์ วิตามินต่าง ๆ เป็นต้น

ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถเลือกอาหารเสริมภูมิคุ้มกันแบบแยกสารอาหารก็ได้ แต่นั่นอาจยุ่งยากในการให้เด็ก ๆ ยอมรับประทานแต่โดยดี ดังนั้น แนะนำให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสารอาหารสำคัญเหล่านี้รวมอยู่ในผลิตภัณฑ์เดียวกันในปริมาณที่เหมาะสมกับช่วงวัยของลูก เพราะไม่เพียงแค่ลูกจะได้สารอาหารที่มีประโยชน์และช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันอย่างเหมาะสม แต่สารอาหารเหล่านี้จะผ่านการคิดค้น วิจัย และพัฒนาโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและนักโภชนาการเด็กมาแล้วว่า สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันร่างกายของลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ