ระหว่าง นมแม่ vs นมผง ต่างก็สามารถเสริมสร้างการเจริญเติบโตของลูกรักได้เหมือนกัน แต่นมทั้งสองมีความแตกต่างกัน ทั้งคุณประโยชน์และสารอาหาร มาดูกันว่านมแบบไหนดีและเหมาะกับลูกรักมากกว่ากัน
องค์การอนามัยโลก (WHO) และยูนิเซฟ ได้แนะนำว่าเด็กควรทานนมแม่อย่างเดียวตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 6 เดือน และควรกินต่อเนื่องไปจนลูกอายุ 2 ปี หรือนานที่สุดเท่าที่จะให้ได้ โดยหลัง 6 เดือนควรเสริมด้วยอาหารตามวัย เพื่อให้เด็กได้สารอาหารและโภชนาการที่ครบถ้วน อย่างไรก็ตาม ด้วยปัญหาด้านสุขภาพหรือความพร้อมของคุณแม่ ทำให้ไม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และปรับมาให้นมผงแทน ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่เรื่องผิด เพียงแต่ว่าในแง่ของโภชนาการแล้ว นมแม่นั้นดีที่สุดสำหรับลูกน้อย
ความแตกต่าง นมแม่ vs นมผง
เพื่อให้คุณแม่ได้เห็นความแตกต่างระหว่าง นมแม่และนมผง ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น จึงได้รวบรวมทั้งข้อดีและข้อด้อยของนมแม่และนมผง ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้
ข้อดี – ข้อด้อย ของนมแม่
- มีสารอาหารกว่า 200 ชนิด ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของทารก
- มีสารอาหารที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันตั้งต้นให้กับทารก เสมือนการฉีดวัคซีนเข็มแรก
- เด็กที่ทานนมแม่ต่อเนื่อง ช่วยลดโอกาสเกิดโรคภูมิแพ้ได้
- ช่วยให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้ดี เด็กที่ทานนมแม่จะไม่ค่อยท้องอืดท้องผูก
- มีส่วนเพิ่มระดับสติปัญญา และการเรียนรู้ของเด็ก
- แม่ที่ให้นมอาจเจอปัญหา เช่น ท่อนมตัน หัวนมแตก เต้านมอักเสบ เป็นต้น
- แม่ต้องระมัดระวังเรื่องการกินของตัวเอง รวมทั้งยาบางชนิด
ข้อดี – ข้อด้อย ของนมผง
- ในท้องตลาดมีให้เลือกหลากหลายสูตร
- เวลาแม่ไม่อยู่หรือไม่สะดวก คนอื่นสามารถให้นมแทนได้
- สามารถบอกได้ว่า ลูกทานนมต่อมื้อมากน้อยแค่ไหน
- เด็กที่ทานนมผงใช้เวลาย่อยนานกว่านมแม่
- นมผงอาจทำให้เด็กมีปัญหาเรื่องการย่อยอาหาร หรือท้องผูกได้
- นมผงบางสูตรช่วยเรื่องระบบภูมิคุ้มกัน แต่ก็ยังไม่เทียบเท่านมแม่
- แม้นมผงจะมีสารอาหารมาก แต่ก็ยังไม่เทียบเท่านมแม่
- ต้องเสียเวลาในการชงนม และต้องชงในอัตราส่วนที่ถูกต้อง อุณหภูมิน้ำต้องเหมาะสม
- ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อนมผง ซื้อขวดนม
นมแม่ vs นมผง แบบไหนดีกว่ากัน
ไม่ว่านมแม่หรือนมผง ก็ล้วนแต่สามารถทำให้เด็กเติบโตได้เหมือนกัน แต่นมแม่มีสารอาหารที่ครบถ้วนมากกว่า และมีสารอาหารหลายอย่างที่หาไม่ได้ในนมผง โดยเฉพาะสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน เช่น น้ำนมเหลือง (Colostrum) ซึ่งจะหลั่งจากเต้านมแม่ในช่วง 3 วันแรกหลังคลอด แม้จะมีปริมาณน้อยแต่จะมีคุณค่า ทางโภชนาการ และภูมิคุ้มกันสูงมาก เด็กทารกที่เกิดใหม่ยังมีภูมิคุ้มกันที่ไม่สมบูรณ์ ดังนั้น น้ำนมแม่จึงเปรียบเสมือนวัคซีนหยดแรกสำหรับเด็ก เพราะมีภูมิคุ้มกันโรคจำนวนมากที่จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อย การได้กินนมแม่ตั้งแต่แรกเกิดจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ทำให้ทารกเติบโตได้สมบูรณ์แข็งแรงอย่าง
- นอกจากนี้ ในนมแม่ยังมีสารอาหารหลักอื่น ๆ ที่มีความสำคัญต่อลูกน้อย ได้แก่
- โปรตีน ที่มีส่วนช่วยในการยับยั้งจากเจริญเติบโตของเชื้อโรคบางชนิด เพิ่มภูมิต้านทาน และเอนไซม์ที่สามารถทำลายผนังเซลล์ของแบคทีเรียได้ ซึ่งโปรตีนในนมแม่นั้นจะเป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย และดูดซึมอย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าโปรตีนในนมผง
- DHA กรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย ที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาระบบประสาทและการมองเห็น
- โอลิโกแซคคาไรด์ (HMOs) มากกว่า 200 ชนิด มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์และแบคทีเรียที่ช่วยสร้างระบบภูมิคุ้มกันได้
- วิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ที่มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโต ได้แก่ วิตามิน A, B1, B2, B6, B12, C, D, E, K และแร่ธาตุซึ่งได้แก่ ธาตุเหล็ก แคลเซียม ไอโอดีน เป็นต้น
ข้อเสนอแนะสำหรับคุณแม่ที่ให้นมบุตร
หลังคลอดควรรีบให้ลูกเข้าเต้าให้เร็วที่สุด และควรให้ลูกดูดนมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นให้สมองหลั่งฮอร์โมนที่ช่วยในการสร้างน้ำนม เพราะถ้าลูกดูดนมน้อย หรือแทบไม่ดูดเลย จะส่งผลให้การผลิตน้ำนมตามกลไกของร่างกาย ค่อย ๆ หมดไป กรณีที่ไม่สะดวกให้นมเองหรือต้องไปทำงาน ควรปั๊มน้ำนมเก็บไว้ และปั๊มอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายยังสามารถผลิตน้ำนมอย่างต่อเนื่อง
เคล็ดลับเพิ่มปริมาณน้ำนม และคุณภาพของน้ำนม
คุณแม่ควรดื่มน้ำวันละ 2.5 ลิตร ควบคู่กับการทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ โดยเน้นเมนูที่มาจาก ลูกซัด หัวปลี ขิง ใบกะเพรา ฟักทอง กุยช่าย ใบแมงลัก และมะละกอ ซึ่งล้วนแต่มีสรรพคุณโดดเด่นในการเพิ่มน้ำนมแม่อย่างมีประสิทธิภาพ และมีสารอาหารต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์สำหรับคุณแม่หลังคลอด
สำหรับคุณแม่ที่มีปัญหาเรื่องน้ำนม หรืออยากเพิ่มคุณภาพของน้ำนม การทานอาหารเสริมก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยคุณแม่ได้ ซึ่งอาหารเสริมเพิ่มน้ำนมควรมีทั้งสารสกัดที่ช่วยกระตุ้นน้ำนมอย่าง ลูกซัด หรือ ฟีนูกรีก (Organic Fenugreek) และหัวปลีออร์แกนิก (Organic Banana blossom) และควรมีสารอาหารที่ช่วยทำให้น้ำนมแม่มีคุณภาพดีอย่าง DHA (Non heavy metal) ปราศจากโลหะหนัก ไร้สารปนเปื้อน ไม่เป็นอันตรายต่อลูก มีแคลเซียม (Calcium aquamin) จากสาหร่ายทะเลสีแดง และ ธาตุเหล็ก Fe (SunActive Fe) ฯลฯ ซึ่งล้วนแต่มีส่วนสำคัญต่อการเจริญเติบโตของลูกน้อยได้เป็นอย่างดี
โดยสรุปแล้วระหว่าง นมแม่ vs นมผง มีความแตกต่างกันพอสมควร แม้ว่านมผงจะมีหลากหลายสูตร และมีการพัฒนาให้ดีขึ้น สารอาหารเยอะขึ้น และปลอดภัยมากขึ้น แต่ก็ยังเป็นรองนมแม่อยู่ ดังนั้น คุณแม่ควรเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างน้อย 6 เดือน หรือนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเพื่อให้น้ำนมของคุณแม่มีคุณภาพดี มีปริมาณเพียงพอ คุณแม่ต้องดูแลสุขภาพของตัวเองให้แข็งแรง และทำตามคำแนะนำที่บอกไว้ในข้างต้น เชื่อว่าจะเป็นผลดีต่อคุณแม่และลูกน้อยอย่างแน่นอน ดังนั้นหากคุณแม่มีความกังวลใจเรื่องปริมาณน้ำนม กลัวว่าจะมีน้ำนมน้อย หรือกังวลว่าจะเพิ่มคุณภาพของน้ำนมแม่ได้อย่างไรอย่าลังเลที่จะเข้ามาพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญเรื่องการเพิ่มปริมาณ และ คุณภาพน้ำนมจาก Promom ได้ทุกช่องทาง
Line: @promomthailand หรือคลิก https://lin.ee/l6je49Z
Inbox: http://m.me/PromomThailand
Shopee, LineMyShop, TikTok, Instagram: promomthailand
Website: https://promom.co.th
Call: 0-2114-8788
บทความที่ควรอ่านต่อ
แม่น้ำนมไม่พอ มีวิธีเพิ่มน้ำนมอย่างไร ให้มีประสิทธิภาพ
แหล่งข้อมูล
-
Nutri Plus 41 | 42 (7 ซอง)
550 บาท เพิ่มลงในตระกร้า -
DHA Probio 9 Plus (14 ซอง)
1,350 บาท เพิ่มลงในตระกร้า -
Muti-IMMU 24 (14 ซอง)
1,200 บาท เพิ่มลงในตระกร้า -
DHA Probio 9 (14 ซอง)
1,200 บาท เพิ่มลงในตระกร้า -
Muti-IMMU 24 Plus (14 ซอง)
1,350 บาท เพิ่มลงในตระกร้า -
Cal-D-KII 6 Plus (14 ซอง)
1,450 บาท เพิ่มลงในตระกร้า -
Nutri Plus 41 | 42 (14 ซอง)
1,100 บาท เพิ่มลงในตระกร้า
ติดตามและรับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ โปรโมชันและความรู้ดี ๆ ก่อนใครได้ที่นี่
ติดตาม Promom